ประวัติหลวงพ่อปาน
( พระครูวิหารกิจจานุการ ) วัดบางนมโค

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30

---ท่องนรก---

คิดจะผ่านผลงานที่ฟื้นแล้วเข้าสู่เกณฑ์อุปสมบท ก็พอดีท่านอาจารย์ใหญ่มาเตือนว่าไม่ควรผ่าน เพราะถ้าผ่านหนังสือจะหาผลยาก เราไม่ได้เล่านิทาน แต่ในการพูดตามความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะกลัวการกล่าวหาว่าอวดวิเศษ ความจริงถ้าเรามีความวิเศษ ถ้าจะอวดก็ไม่ใช่ของแปลกเพราะมีอวด พระพุทธเจ้าท่านไม่ห้าม ท่านห้ามแต่พวกไม่มีของวิเศษแต่โกหกชาวบ้านว่ามีต่างหาก คนที่เขามีจริงก็เลยไม่อยากอวด เรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ไม่ใช่เรื่องของผู้วิเศษ เป็นกฎของผลกรรม ท่านว่าพูดได้เต็มที่ไม่ต้องกลัวใครว่า ถ้าเขาไม่เชื่อ เชิญเขาทำอย่างเมื่อเป็นเด็ก แล้วเชิญลองตายดู เมื่อตายแล้วถ้ามีผลไม่เหมือนกันจะปรับกันอย่างไรก็รับการปรับด้วยประการทั้งปวง ท่านผู้อ่านจะลองทำอย่างเด็กไร้เดียงสาไม่รู้จักธรรมวินัย ทำไปแบบนกแก้วนกขุนทอง พูดตามคนสอน แต่ไม่รู้เรื่องที่พูดอย่างฉันทำเมื่อสมัยเด็กบ้าง ทำให้ได้อย่างนั้น แล้วก็ตายจริงหรือลองตายได้ เพราะผลตอนนั้นฉันมารู้เมื่อบวชแล้วว่า มันเป็นฌานและมโนมยิทธิ จะลองตายได้อย่างสบาย ตายนานตายเร็วก็ได้ ตายประเดี๋ยวเดียวหรือตายนานนับชั่วโมง ตายนับวันได้ ตายไปหาสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่ามีแต่เราไม่เห็นไปค้นให้พบตามต้องการ มันเป็นการตายเล่นโก้ ๆ และมีประโยชน์

ทดสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างสบาย กรรมแบบนี้พระประเภทบวชเพื่อหนีสงสารท่านทำได้ทุกองค์ ไม่มีอะไรเป็นของแปลก เว้นไว้แต่พระที่บวชตามประเพณีหรือบวชนอกแบบไม่เข้าใจ จึงทำไม่ได้ เพราะกฎของพระที่บวชนั้นจำต้องปฏิบัติศีล สมาธิ และวิปัสสนาครบถ้วน เมื่อทำได้ครบถ้วนแล้ว กิจที่เด็กไร้เดียงสาทำได้เรื่องอะไรพระที่เป็นนักปราชญ์จะทำไม่ได้ เว้นไว้แต่ท่านจะไม่ทำเพราะเห็นว่ามีผลช้า ท่านจะมุ่งเอาอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโก ก็เป็นภาระของท่านที่จะเว้นกรรมอย่างนี้เสีย เรื่องที่เด็กทำได้ผู้ใหญ่ทำไม่ได้ไม่เคยปรากฏมีในประวัติศาสตร์

เมื่อฟื้นคืนชีพแล้วฉันก็ชอบรักษาอารมณ์ เมื่อขณะฉันจะตายนี่ท่านอาจารย์ให้เล่าให้ฟังฉันก็ต้องเล่าให้ฟัง แต่ทว่าตอนนั้นเป็นเพียงปฏิปทาของเด็กอายุ ๑๒ ปี และฉันก็รักษามาจนถึงวันบวชพระ ฉันรักษาอารมณ์อย่างนั้น ฉันชอบการท่องเที่ยวอย่างนั้น ฉันรักพระองค์ที่รูปร่างสวย มีรัศมีสว่างผ่องใส ฉันต้องเห็นท่านทุกวัน บางวันถ้าฉันว่าง ฉันเห็นท่านวันละหลายชั่วโมง ท่านเป็นพระใจดี ฉันเรียกท่านเมื่อไรท่านมาหาฉันทันที เมื่อท่านมาหาฉัน ท่านยิ้มสวย รูปร่างท่านก็สวย ผิวกายผุดผ่อง รัศมีก็สว่างสวยงาม ถ้าฉันอยากจะเห็นตัวท่านเป็นเพชรทั้งตัว เพียงนึกอยากเห็นท่านเป็นเพชร ไม่ต้องออกปาก ตัวท่านก็เป็นเพชรทันที ท่านใจดี ฉันรักท่านมาก ทุกวันถ้าถูกใครว่าฉัน ฉันไม่สบายใจ ฉันก็หาที่ปลอดคนเรียกท่านให้มาหา วิธีเรียก ฉันยกมือไหว้ฟ้าแล้วก็กราบ ภาวนาว่า พุทโธ ๓ คำ เมื่อครบ ๓ คำ ท่านมาหาฉันทันที พอมาท่านยิ้ม เมื่อเห็นท่านยิ้ม ฉันก็หมดความทุกข์ใจ ถ้าฉันอยากไปดูนรก ฉันก็บอกท่านว่าผมอยากไปดูนรก เมื่อบอกท่านแล้วท่านไม่พูด ท่านยิ้ม พอท่านยิ้มฉันก็ไปถึงที่เคยไปกับตาลุง ๔ คนทันที ไม่ทราบว่าไปได้อย่างไร ฉันคิดว่าอาการยิ้มของท่านเป็นการส่งฉันไป วันเวลาไม่แน่นอน จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

ดีไม่ดีเวลาที่ฉันกินข้าวคนเดียวหรือดายหญ้า สวนที่ตำบลบางระมาด อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี บ้านยายฉันอยู่ที่นี่ ฉันไปอยู่กับยายฉัน ฉันอยากไปนรก ฉันก็วางมีด วางงานเสีย ภาวนาว่า พุทโธ ๓ คำ ท่านก็มาหา ฉันบอกว่าฉันจะไปดูนรก ท่านก็ยิ้ม ฉันก็ไปนั่งตรงที่ฉันนั่ง เมื่อฉันอยากเห็นนรกขุมไหนเขาทำอะไรกัน ฉันก็เห็นตามใจนึก เหมือนกับฉันไปอยู่ในสถานที่นั้น แต่ทว่าฉันไม่เคยขอให้ท่านส่งไปสวรรค์หรือพรหมโลก เพราะฉันไม่มีความรู้ เคยไปนรกก็ไปแต่นรก แต่ทว่าเมืองนรกก็มีคนลงไปใหม่ทุกวัน ฉันจะเล่าเรื่องคนดีที่ว่าเป็นนักปราชญ์สอนชาวบ้านเรื่องนรกสวรรค์ และเคยหาว่าฉันไปนรกได้เป็นเรื่องโกหก แต่ท่านเองเป็นพระใหญ่ เขาเรียกท่านว่าท่านเจ้าคุณ พอท่านตายฉันไปดักดูท่านที่ทางเข้าเมืองนรก พบท่านไปทางนั้น เขารับท่านไป ท่านมีวาสนาใหญ่ กรรมส่งท่านลงอเวจี กรรมอะไรของท่าน ฟังกันต่อไป

---พระใหญ่ลงอเวจี---

หลังจากฉันฟื้นจากการตายได้ไม่ครบ ๑ ปีดี พระที่ท่านยายกับท่านแม่ชอบนิมนต์มาเทศน์และเป็นพระองค์เดียวกันกับที่ท่านหาว่าฉันมีอารมณ์ใกล้บ้า เพราะชอบเอาเรื่องของคนตกนรกมาเล่าให้ท่านยายฟังเกือบทุกวัน ทั้งนี้เพราะท่านยายชอบฟังเรื่องคนตกนรก และเขาทำอะไรมาจึงลงนรก เพราะท่านยายชอบฟังเรื่องนรกนี่เอง ฉันก็เลยต้องลงนรกเป็นประจำวัน เวลาไปนรกฉันไปไหนไม่ได้ นอกจากยืนอยู่ที่ยอดเขาที่ตาลุงแกสั่งว่าห้ามเข้า ความจริงมีสิทธิ์จะไปได้ แต่ทว่าตอนนั้นฉันเป็นเด็กไม่รู้เรื่องธัมมะธัมโมอะไรกับเขาเลย ปกติก็เป็นคนเคารพในคำสั่งของท่านยายและท่านแม่เคร่งครัดอยู่แล้ว เรื่องคำสั่งไม่เคยละเมิด เว้นไว้แต่เป็นเรื่องที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็เลยไม่ถูกลงโทษเพราะขัดคำสั่ง แม้อยู่โรงเรียนเรื่องขัดคำสั่งไม่เคยถูกลงโทษเลย เมื่อไปเมืองนรกก็เลยไม่กล้าขัดคำสั่งตาลุง แต่ก็ทำให้ตาลุงคนนั้นลำบากไม่น้อยเพราะถ้าฉันเกิดสงสัยไม่เข้าใจอะไร ฉันก็นึกถึงตาลุงคนนั้น เมื่อนึกถึงแก ๆ ก็มาหาทันที ถามอะไรแกก็บอกให้ฟังละเอียดตามที่ต้องการรู้

เมื่อฉันได้ยินข่าวว่าท่านเจ้าคุณที่คุณยายนับถือมากตาย ท่านเจ้าคุณองค์นี้ฉันไม่ไหว้และไม่ยอมประเคนของ ด้วยเกลียดท่านที่ท่านหาว่าเรื่องนรกที่ฉันเล่าให้ท่านยายฟังเป็นเรื่องโกหกพกลม ตัวท่านเองท่านพูดว่า บวชมา ๓๐ ปีเศษแล้วไม่เคยเห็นนรกสักนิด ฉันเลยเกลียดท่าน ด้วยคิดว่าพระแบบนี้หลอกลวงชาวบ้านหากิน เป็นความคิดของเด็กโง่ที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรม เลยไม่ยอมเคารพ แม้แต่นิ้ว ๑๐ นิ้วก็เสียเวลาที่จะยกมือไหว้ท่าน เมื่อท่านมา ท่านยายให้ประเคนของก็ไม่ยอมประเคน โดยเรียนท่านยายต่อหน้าท่านว่า พระที่มีความสามารถไม่เท่าเด็กไม่อยากให้อะไร ท่านโกรธมาก เพราะท่านเป็นเจ้าคุณ วัดอยู่ฝั่งพระนคร ท่านมีศักดิ์ใหญ่ แต่ท่านจะทำอะไรฉันได้ในเมื่อฉันไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน ท่านยายก็ไม่กล้าขัดใจฉัน เมื่อทราบข่าวว่าท่านเจ้าคุณตาย ท่านยายไปเยี่ยมศพท่าน ไม่ได้ชวนฉันไป ฉันว่างเพราะไม่มีคนสั่งงาน ฉันก็ไปนั่งเล่นที่ชานบ้าน บ้านอยู่ริมน้ำ มีต้นจากที่ปลายสะพาน ๑ ต้น ฉันไปนั่งในต้นจาก เอากระดานพาดทางจาก ด้วยจากต้นนั้นท่านยายปลูกไว้นานแล้ว ต้นใหญ่มาก เมื่อลมพัดเย็นสบายใจก็เลยคิดว่าท่านเจ้าคุณท่านตายแล้วท่านจะไปทางไหน จะไปถามตาลุงดู จึงนึกถึงพระรูปสวยองค์ที่เคยมาหาฉัน พอภาวนาว่าพุทโธ ๓ คำ ท่านก็มาหา ท่านยิ้ม ก็กราบเรียนท่านว่าผมอยากไปดูนรก ท่านยิ้มอีกครั้ง ฉันก็ปรากฏตัวอยู่บนยอดเขาลูกที่เคยไป เมื่อไปก็นึกถึงตาลุง ๆ ก็มาหา แกถามว่าหลานต้องการพบทำไม บอกแกว่าได้ข่าวพระตาย ๑ องค์ มีชื่อว่า.... เขาชื่อว่าอะไรจะบอกชาวบ้านทำไม ไม่บอกให้รู้ แต่บอกให้ตาลุงรู้ เมื่อตาลุงทราบแล้วแกก็บอกว่าเขาตัดสินแล้ว ขณะนี้อยู่ในอเวจี ถามแกอีกว่าพระตกนรกด้วยหรือ แกตอบว่า พระตกนรกเป็นประจำ เพราะพระบวชแล้วไม่ทำตัวเป็นพระก็ต้องตกนรก ถามแกว่า พระเทศน์สอนชาวบ้านเรื่องนรกสวรรค์ได้ ทำไมต้องตกนรก แกตอบว่า ก็พระดีแต่สอนชาวบ้าน ตัวเองไม่ปฏิบัติตนตามที่สอนเขา บอกให้คนอื่นทำดีแต่ตัวไม่ทำด้วย พระอย่างนี้ลงนรกหมด และมีโทษหนักมาก ฉันอยากเห็นท่านเจ้าคุณ ก็บอกตาลุงว่าผมอยากเห็นท่านเจ้าคุณ แกก็บอกว่าได้ แล้วก็ร่ายเวท แกยกมือขึ้นเท่านั้นเองก็ปรากฏว่าภาพอเวจีมาปรากฏใกล้ตัวฉัน ฉันเห็นท่านเจ้าคุณฉันก็จำได้ ภาพของท่านที่ปรากฏมีดังนี้

๑. ยืนกางแขน มีหอกปักจากเพดานเหล็กด้านบนปักติดอยู่ที่มือทั้ง ๒ ข้าง ปลายด้ามหอกติดเพดาน หัวหอกติดพื้นเหล็กด้านล่างที่เป็นพื้น

๒. หอกปักด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง ตรงหัวสลับกัน ส่วนหอกด้านปลายและด้ามตรึงติดกำแพง

เรื่องหอกเว้นพรรณา เป็นอันว่าปักยึดจนขยับเขยื้อนไม่ไหว ถามท่านลุงว่า ท่านเจ้าคุณมีโทษอะไร มีหอกปักตรึงแล้วมีเปลวไฟละเอียดร้อนมากกว่านรกทุกขุมพุ่งมาเผาตลอดเวลา ตาลุงบอกว่าลุงจะไม่บอก จะให้ท่านบอกเอง แล้วตาลุงก็บอกให้แกขึ้นมาหา พอตาลุงเรียกปรากฏว่าเครื่องพันธนาการหลุดหมด ไฟดับ ท่านเดินขึ้นมา ท่านเห็นฉันเข้า ท่านกล่าวขออภัย ท่านลุงบอกว่าการขออภัยขณะนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะโทษที่เหยียดหยามผู้ทรงฌาน คำนี้ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันคิดว่าเมื่อฉันจะมาฉันเดินไปที่ชานบ้านไปที่สะพานติดกับชาน ฉันเอากระดานพาดก้านจาก เพราะเหตุนี้กระมังที่เขาเรียกว่าผู้ทรงฌาน แต่ฉันก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับตาลุง ตาลุงบอกให้ท่านเจ้าคุณนรกบอกเรื่องที่ตนทำผิดเมื่อตายแล้วลงอเวจี ท่านเจ้าคุณบรรยายให้ฟังดังนี้

๑. เมื่อบวชแล้วไม่สนใจในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ สมถะ วิปัสสนา ไม่เคยสนใจ ผิดความหมายพระ ด้วยพระเป็นสรณะที่พึ่งระดับ ๑ ใน ๓ ระดับ เมื่อทำตนไม่สมควรจัดเป็นความผิด คือ เป็นคนลวงโลกหลอกชาวบ้านว่าเป็นพระ เอาเปรียบชาวบ้าน

๒. ศึกษาพระปริยัติธรรมแล้วไม่ยอมประพฤติธรรม มุ่งเอาความรู้ไปสอนชาวบ้านเป็นทางนำทรัพย์สินให้เกิดแก่ตน ไม่เคยนำทรัพย์นั้น ๆ ไปสงเคราะห์ส่วนสาธารณประโยชน์หรือบำรุงพระศาสนา เอาไปซื้อที่ดิน ซื้อทอง ให้กู้ อันเป็นวิสัยของฆราวาส พระท่านห้ามไม่ให้ทำ แต่ฝืนทำ

๓. เมื่อมีทรัพย์ก็มีความทะยานอยากได้ยศ เมื่อมียศแล้วก็เมายศคิดว่าตัววิเศษ แม้แต่ผู้ทรงฌาน แกพูดแล้วแกก็ชี้มาที่ฉัน ก็ยังกล้าคัดค้านเหยียดหยาม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง

๔. ในฐานะที่ท่านเป็นพระทรงสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ สมัยนั้นพระราชาคณะไม่มีสะพรั่งเหมือนดอกเห็ดอย่างสมัยนี้ ใครเป็นพระครูหรือเจ้าคุณศักดิ์ศรีท่านใหญ่น่าดู เจ้าคุณหายากเหมือนหาหัวอุตพิดและมีพิษมาก เพราะจะไปที่ไหนต้องต้อนรับกันอย่างเจ้า (เจ้าไม่มีศาล) เมื่อเป็นพระมีศักดิ์ใหญ่ อำนาจก็ต้องใหญ่ ครองความใหญ่ไว้มาก ลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็มาก ใครอยากได้ยศได้ตำแหน่งก็ต้องเสียเงินตามอัตราของตระกร้าใหญ่ ต้องนิมนต์เทศน์ติดเงินก้อนใหญ่ ๆ เวลามาขอยศขอตำแหน่งก็ต้องหาพานมาประเคนมีแบงค์ใบใหญ่ ๆ ท่านก็เลยกลายเป็นพระมหาเศรษฐีใหญ่ มีลูกหนี้ใหญ่ ๆ คือมีเงินให้กู้มาก ๆ มีทองจำนำเส้นใหญ่ ๆ มีกระเป๋าใส่เงินใบใหญ่ ๆ แล้วก็เลยตกนรกขุมใหญ่ มีความทุกข์ทรมานใหญ่ รวมความแล้วท่านเป็นพระใหญ่ หลอกลวงใหญ่ เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ ตกนรกขุมใหญ่สมกับวาสนาบารมีใหญ่

ได้ถามท่านว่า ขณะนี้มีทรัพย์สินอะไรที่พอเป็นเครื่องยืนยันความใหญ่ของท่านบ้าง ท่านตอบว่า ตามที่คณะกรรมการสำรวจสิ่งของที่ได้แล้วขณะนี้ มีเงินสดอยู่ ๗๓,๐๓๒.๗๕ บาท ทองคำที่รับจำนำไว้ ๓๕ บาท ทองคำที่ซื้อไว้เองเพื่อเตรียมหมั้นแม่สาวน้อยเจ้าของร้านขายของมีค่าน้ำหนัก ๕๐ บาท ของที่คณะกรรมการตรวจพบไม่ได้ คือ เงินกู้ที่ชาวบ้านไปกู้อีก ๔ หมื่นบาทเศษ อันนี้ไม่มีหลักฐาน ถามท่านว่าของที่ว่ามีขณะนี้อยู่ที่ไหน ท่านบอกว่าคณะกรรมการควบคุมไว้ ถามท่านอีกว่าวันนี้คุณยายไปเยี่ยมศพท่าน คุณยายจะทราบเรื่องนี้ไหม ท่านตอบว่าทราบ เพราะคณะกรรมการเขาเขียนทรัพย์สินที่ค้นได้ใส่แผ่นกระดาษประกาศไว้ ดีใจที่ได้หลักฐานมายืนยันกับยาย

๕. ที่ท่านว่าเป็นกรรมหนักในฐานะที่ท่านเป็นพระปลอม คือ บวชแต่ตัว และมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ และกามสุข มีพระที่มีศีลบริสุทธิ์บ้าง มีสมาธิตั้งมั่นบ้าง มีวิปัสสนาดีที่เป็นอริยเจ้ามาไหว้ท่าน ท่านก็เลยทำใหญ่ในฐานะเป็นเจ้าคุณ กรรมนี้อีกข้อหนึ่งที่ชวนท่านลงอเวจี

เมื่อได้เรื่องแล้วก็ดีใจมาก ลาตาลุงกลับ ท่านเจ้าคุณก็ลงนรกไปตามตำแหน่งใหญ่ของท่าน เมื่อคุณยายกลับก็เอาเรื่องทรัพย์สินของท่านเจ้าคุณออกบรรยาย คุณยายตกใจมาก ถามว่า พ่อเล็กรู้มาได้อย่างไร เรียนท่านว่าเมื่อคุณยายไปฝั่งโน้น ฝั่งพระนคร ชาวธนบุรีเรียกว่าฝั่งโน้น สมัยนั้นจากตลิ่งชันก็ไปลำบาก ต้องมีเรือยนต์หรือไปเรือโดยสาร ที่บ้านไม่มีเรือยนต์ก็ต้องอาศัยเรือโดยสารขนาดเล็กของพระยาภิรมย์ภักดี ออกเป็นเวลา วันหนึ่งเรือออกไม่เกิน ๕ เที่ยว การที่จะแอบอ่านป้ายเอามาเบ่งนั้นไม่มีทางทำได้แน่ เมื่อคุณยายท่านฟังแล้วท่านจึงแปลกใจถามว่าทราบมาได้อย่างไร จึงเรียนท่านว่า เมื่อคุณยายไปเยี่ยมศพท่านเจ้าคุณ ผมก็ไปสืบทางเมืองนรก พบท่านเจ้าคุณลงอเวจี ท่านลุงเรียกมาให้เล่าความประพฤติเมื่อท่านมีชีวิต ท่านเจ้าคุณบอกให้ฟัง ผมจึงทราบ เมื่อพูดจบท่านยายก็เรียกน้าสมใจที่ไปด้วยให้เอากระดาษจดทรัพย์สินท่านเจ้าคุณที่คณะกรรมการเขียนประกาศไว้ น้าสมใจอ่านให้ท่านฟัง เมื่ออ่านแล้วน้าสมใจก็บอกว่าตรงกันทุกอย่าง ท่านยายถึงกับเปล่งอุทานว่าไม่น่าเลย พระใหญ่พระโตทำไมเลวทรามอย่างนี้ พ่อเล็กไม่เคารพนั้นถูกแล้ว ยายเองเสียอีกยังโง่กว่าพ่อเล็ก

นี่เป็นมุมหนึ่งของนรกที่ใคร ๆ ก็สามารถจะเห็นได้ถ้าบวชเพื่อความเป็นพระ แต่ถ้าท่านบวชกันเพื่อแสวงหาความรู้มาเป็นอาชีพ หรือเพื่อยศศักดิ์ เพื่อลาภผล เพื่อเป็นเหยื่อล่อสตรีที่เห็นว่าดีว่างาม ท่านไปตามท่านเจ้าคุณองค์นี้ ถ้าบวชแล้วปฏิบัติตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้เมื่อวันบวชว่า "นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตวา ปัพพาเชถะ มัง ภันเต" เขียนตัวหนังสืออาจพลาดจังหวะบ้างก็ช่างมัน แปลความว่า ท่านทั้งหลาย ข้าฯ ขอรับผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เป็นอันว่าท่านที่บวชเพื่อเข้าถึงพระนิพพานทุกองค์ เรื่องเห็นนรกสวรรค์เป็นเรื่องกล้วย ๆ ไม่มีอะไรหนักเลย ถ้าทำไม่เห็นก็จงทำตามแบบเจ้าเล็กเด็กอายุ ๑๒ ปี เอาแบบฉบับของเจ้าเด็กคนนี้เป็นครู มันก็คงไม่ยากอะไรเลย คุณยายหลังจากทราบเกียรติความดีเด่นระดับอเวจีของท่านเจ้าคุณแล้ว ต่อนั้นมาท่านพยายามหาแต่พระที่ควรบูชาเท่านั้น คนที่เป็นนักดูพระก็คือเจ้าเล็กคนเดนตายนั่นเอง เมื่อท่านยายปรึกษาจะหาพระมาเทศน์เจ้าเล็กก็ต้องไปหาตาลุง ตาลุงก็ชี้พระพอที่จะพบได้ในสมัยนั้น อยู่ไม่ไกลเกินไปก็คือ

๑. ท่านพระครูพิทักษ์สุวรรณบรรพต คณะ ๑๑ วัดสระเกศ จ. พระนคร

๒. ท่านอาจารย์พริ้ง วัดมะกอก จ. พระนคร

๓. หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ จ. ธนบุรี

๔. หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ. เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา

๕. หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล อ. บางบาล จ. พระนครศรีอยุธยา

๖. หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อ. บางบาล จ. พระนครศรีอยุธยา

๗. หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน อ. สองพี่น้อง จ. สุพรรณบุรี

๘. หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อ. บางปลาม้า จ. สุพรรณบุรี

แกบอกว่ามีอีกมาก เป็นพระอริยะก็มี เป็นพระโพธิสัตว์ก็มี ที่บอกมานั้นมีทั้งพระอริยะและพระโพธิสัตว์ ทำบุญด้วยผลมากกว่าการลงทุน ท่านยายเคยรู้จักหลวงพ่อปานมาก่อน เมื่อเห็นหลวงพ่อปานติดอยู่ในบัญชีพระดีก็เลยไม่ไปไหน เกาะหลวงพ่อปานแจ คือ ยึดความรู้ที่หลวงพ่อปานสอนแบบง่าย ๆ ท่านภาวนาคำว่าพุทโธจนท่านสิ้นลมปราณ คือ พอขาดเสียงท่านก็หมดลมพอดี ตอนจะตายถามท่านว่าคุณยายเห็นอะไรครับ ท่านตอบว่าเห็นพระพุทธเจ้า ถามท่านว่าสวยไหมครับ ท่านบอกว่าสวยมาก และท่านก็บอกว่าพระท่านสวยมากขึ้นทุกที ในที่สุดหลวงพ่อองค์ยิ้มท่านก็มา

ท่านใกล้จะสิ้นลมปราณเต็มที แต่ท่านสติดีมาก ท่านยิ้มทั้ง ๆ ที่ปากก็ว่าพุทโธ ท่านบอกว่า พ่อเล็ก หลวงพ่อองค์ยิ้มของหลานมาหายายแล้ว ถามว่าคุณยายอยากไปไหนครับ คุณยายบอกท่าน ท่านพาไปได้ ท่านยายบอกว่ายายไม่อยากเกิด ยายเบื่อเกิด ถามท่านว่าอย่างไร ท่านยายบอกว่า ท่านยิ้มแล้วก็บอกว่าจะเอาไปพักในที่ไม่ต้องกลับมาเกิด ต่อไปจะสบายมาก ท่านยายเรียก พ่อเล็กจุดธูปให้ยาย ๕ ดอก เอาดอกบัวมา ๕ ดอก จุดเทียนด้วย ยายจะเอาไปไหว้พระจุฬามณี ยายเห็นบ้านยายแล้ว พระท่านชี้ให้ดู เมื่อจุดธูปเสร็จบอกท่านให้ทราบ ท่านบอกว่า ท่านขอลาทุกคน อะไรที่ล่วงเกินกันขอให้ต่างอภัยกันแล้วท่านก็ว่าพุทโธ ๆ ๆ จนท่านสิ้นลมปราณ เมื่อคุณยายตายก็เลยถือโอกาสไปหาท่านลุง เมื่อพบแล้วถามท่านว่าคุณยายไปอยู่ที่ไหน ท่านลุงบอกว่าอยู่ดาวดึงส์ ถามว่าท่านยายจะมาเกิดอีกไหม ท่านลุงบอกว่า บารมีเขาดี เขาจะนิพพานบนสวรรค์ ฉันฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลยว่านิพพานเป็นอย่างไร


---ปฏิปทาของฉันเมื่อเด็ก---

ท่านอาจจะสังสัยว่าเรื่องของฌานสมาบัติต้องมีศีลดี ก็เมื่อเป็นเด็กจะมีศีลวิเศษขนาดไหน เรื่องนี้ฉันยอมรับว่าที่ฉันไปนรกได้ฉันไม่เข้าใจว่าเป็นฌานหรือเปล่า ฉันตายไปแล้ว เมื่อฟื้นขึ้นมาฉันก็ไปตามที่ฉันตายไป มันจะเป็นฌานหรือเป็นระเบียงบ้าน เรื่องนี้ฉันไม่เข้าใจ แต่ทว่าเมื่อฉันเป็นเด็กสิ่งที่ฉันปฏิบัติเป็นปกติจนถึงวันบวชพระก็คือ

๑. ไม่ฆ่าสัตว์ จำได้ว่าเคยฆ่าปลาไม่เกิน ๖ ตัว เพราะผู้ใหญ่บังคับ ต่อมาไม่ยอมฆ่าอีกตลอดมาจนถึงววันบวช เว้นไว้แต่คนที่ข่มเหงฉัน คนเลวที่ฉันคิดไปว่าไม่บาป เป็นความคิดสมัยก่อนบวช

๒. ไม่ลักของใคร

๓. ไม่เป็นชู้ภรรยาใคร แต่ลูกเขานี่ซิคิดว่าไม่ผิดศีล เมื่อเมตตาเขาก็ต้องรับความปรานีอย่างนี้บาปหรือเปล่า ใจตอนนั้นคิดว่าไม่บาปและไม่ได้ฝืนใจใคร ทุกคนสมัครใจร่วมกัน คงไม่เป็นไรมาก

๔. เรื่องโกหก ถ้าจะเอาบ้างแต่ก็ไม่ร้ายแรง ที่โกหกมากก็คือพวกสาว ๆ เพราะไม่โกหกแกไม่เชื่อ เลยต้องโกหก ตามใจคนรักคงไม่บาป

๕. เรื่องของคนเมาหรือการพนัน ปลอดแน่ นอกจากจะลองทดสอบความเมากับน้าคราวเดียว คือ น้าเป็นนายตำรวจจับคนเมามาได้ แกก็บอกว่าที่แกด่าอาละวาดชาวบ้านแกเมาแกไม่รู้เรื่อง เพื่อทดสอบให้แน่ใจว่าคนเมาพูดเองและฟังคนอื่นพูดรู้เรื่องหรือเปล่า สองคนน้าหลานว่าน้ำตาลเมาของเขามา ๑ ไหครึ่ง เห็นรู้เรื่องทุกอย่าง พูดเองก็รู้ คนอื่นพูดก็รู้ ต่อไปเมื่อจับคนเมามาได้และถ้าแกแก้ว่าทำไปเพราะเมา แกไม่รู้เรื่อง ฯลฯ ถามแกว่าแกชอบเมาอะไร สุราชนิดไหน น้ำตาลเมา น้ำขาว อุหรือเบียร์ เป็นต้น เมื่อแกบอกว่าแกเมาอะไรก็ไปหามาให้แก เมื่อแกกินเมาแล้วก็ซ้อมด้วยไม้กระบอง ตีเสียช่ำมือทุกราย ถ้าแกบอกว่าเจ็บก็ไม่ยอมเลิกตี บอกแกว่าคนเมาไม่รู้เรื่องไม่เจ็บ ล่อเสียอานไปหลายรายการ เพียงรายสองรายก็ปรากฎว่าในเขตของน้าหาคนเมาทำยายากเต็มทน ที่ชอบเมาจริง ๆ ก็พยายามเมาในมุ้ง เป็นการปราบที่มีผลมาก ชาวบ้านสบายใจไปตาม ๆ กัน

นอกจากนี้แล้ว ขณะที่เป็นเด็กและฆราวาสมีอารมณ์แปลก คือ มีความรู้เกิดเองคือ ที่ไหนก็ตามมีอะไรเป็นพิเศษ เช่น คนตาย ของดีกว่าปกติ เมื่อไปนอนคืนเดียวก็ปรากฎว่ารู้หมด ว่าที่บ้านนี้หรือตรงนี้มีคนตายแล้วกี่คน อายุ รูปร่าง อาการป่วยเมื่อจะตาย ตายแล้วไปไหน มันเห็นเองรู้เอง ไม่ได้ทำอะไร เพียงไปนอนเท่านั้น ถ้าไม่เห็นก่อนหลับก็ตอนตื่นใหม่ ๆ คนตายจะมาเล่าเรื่องของตนให้ฟังจนหมด เมื่อสว่างแล้วถามเจ้าของบ้านทุกบ้านพากันยอมรับว่าจริง ปฏิปทาก่อนบวชมีเท่านี้ มันจะเป็นฌานสมาบัติ หรือเรื่องที่รู้มันรู้ได้อย่างไร อ่านตำราแล้วไม่เข้าใจ ถ้าถามพระท่านบอกว่าของเก่าตามมา

เป็นอันว่า เรื่องเมื่อฟื้นจากตายความจริงมีเรื่องมากมาย เขียนสักพันหน้าก็ไม่จบ มันจะมีประโยชน์อะไร เขียนไปเขียนมาก็คุยกับตาลุง ไปสวรรค์ก็ไม่กล้าไป เขียนไปก็เปลืองสายตาคนอ่าน เลิกเขียนดีกว่า เอาเวลาเขียนไว้ตอนเข้าอุปสมบทต่อไป ตอนนี้ขอเอวังเพียงนี้ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน นี้เวลาว่างหายาก ก็ขอพักตอนที่สองไว้เพียงเท่านี้

หน้าที่ผ่านมาหน้าต่อไปCopyright © 2001 by
Amine
พิมพ์โดย casnova20 มิ.ย. 2545 09:40:57