ประวัติหลวงพ่อปาน
( พระครูวิหารกิจจานุการ ) วัดบางนมโค

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30

***พบลาวเก่งวิชา***

นักบุญหรือพระที่มาทำการก่อสร้างก็มาจากฐานะไม่เสมอกัน บางท่านก็หยาบบางท่านก็สงบเสงี่ยม มีพระองค์หนึ่ง อย่าออกชื่อเลยนะ ท่านยังมีชีวิตอยู่ เวลานี้ก็เป็นคนดีน่าบูชา อายุก็มากแล้ว เห็นจะ ๖๐ ปีกว่าหลายปี ด้วยท่านบวชก่อนฉันหลายปี มีแรงมาก ทำงานเก่ง องค์นี้ดี ไม่ต้องเกรงว่าวัวเขาอ่อนจะลอกหนัง ด้วยปากแกหยาบเสียจนหาคนรักยาก แต่ทว่างานดีมาก วันหนึ่งเมื่อพระขึ้นไปติดเครื่องบนศาลาการเปรียญ แดดร้อน หลวงพ่อท่านอนุญาตให้ใช้คลุมศีรษะได้ ท่านบอกว่าอานิสงส์สร้างวัดมากกว่าโทษที่เสียจริยาเล็กน้อยมาก เราลงทุนน้อยได้กำไรมาก ควรทำ ต่างองค์ก็เอาผ้าบ้าง หมวกบ้าง คลุมศีรษะ ท่านองค์ปากสว่างล่อหมวกปีกใหญ่ที่พวกจีนทำไร่ชอบใช้ ความจริงก็ดี ร่มมากดีมาก ฉันยังเคยอาศัยร่มแกในการบางคราว เจ้าลาวคนนั้นมาเห็นเข้ามันก็ร้องว่า พระไม่สำรวม ใส่หมวกอย่างฆราวาส ทุกองค์เขาไม่อยากตอบ มีองค์ปากสว่างองค์เดียวทนไม่ได้ แกร้องด่าลงมาจากข้างบนว่า อ้ายลาวปากหมา มึงเสือกไม่เข้าเรื่อง ประเดี๋ยวพ่อทุ่มด้วยไม้ขื่อ เจ้าลาวโกรธมาก มันร้องประกาศว่า พระทุกองค์จะต้องตายก่อนเพลวันนี้ เวลาที่พูดกันประมาณ ๘ น. เศษ มันพูดแล้วมันก็เดินไปทางหลังเขา เมื่อมันไปแล้วก็ไม่มีพระอะไรสนใจเรื่องที่มันบอกว่าจะให้ตาย

เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ ๓๐ นาทีเศษ เจ้าลิงขาวเขาไปทำงานด้วยและเจ้าลิงเล็กด้วย สามเตื้อ เมื่ออยู่ไหนอยู่ร่วมกัน ที่เขาสะพานนาคหรือเขาวงพระจันทร์เป็นที่สงัด กลางวันทำงาน กลางคืนทำใจให้สบายบอกไม่ถูกเลย คณะของเราวัวเขาอ่อนสนใจมาก เพราะเป็นพวกสงบเสงี่ยมแต่เราก็ไม่หลอกใคร ให้ก็กิน เรื่องรับปากว่าจะเป็นผัวใครไม่มีในคณะสามเกลอหรือสามลิงของเรา เขาให้กินเรารับ เขาให้ใช้เรารับ เขาให้กกเราไม่ตกลงแน่ เพราะกกมาพอแรงแล้ว ไม่เห็นเป็นเรื่องอะไรเลย เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อยหลังจากที่เจ้าลาวปากร้ายผ่านไป เจ้าลิงขาวมันบอกว่าเจ้าลาวคัดของ พวกเราระวัง ของที่อื่นต้านมันไม่ไหว มีพระหลวงพ่อกับยันต์เกราะเพชรเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้ ฉันเลยร้องสำทับไปว่า ทุกองค์ปลุกยันต์เกราะเพชรเพื่อความอยู่รอดของพวกเรา ทุกองค์หยุดงาน ต่างก็ปลุกยันต์เกราะเพชร ประเดี๋ยวเดียวตะกรุดหรือพระที่ได้มาจากวัดอื่นหักหมด เหลือแต่พระหลวงพ่อให้ไปเท่านั้นที่ไม่ยอมหัก พวกเราทราบทันทีว่าเจ้าลาวระยำนั่นมันคงใช้วิชาทำเราไม่มีผล มันคิดว่ามีของกัน จึงคัดของ เมื่อปรากฏว่าพระวัดอื่นแตก พระบางองค์ตกใจหน้าเสีย จึงบอกท่านว่ายันต์เกราะเพชรคุ้มได้และวิชาที่ทำเราจะย้อนเข้าตัวคนทำเอง ทุกองค์จงว่า อิติปิโส ทุกองค์วางงาน พนมมือตาม ๆ กัน เขาว่าในใจ เขาว่าอะไรบ้างไม่ทราบ เวลาผ่านไปเกือบ ๑๐ นาที เจ้าลิงขาวก็บอกว่าขอให้ทุกองค์ทำงานตามปกติ เจ้าลาวหมอบแล้ว ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา เราทำงานกันไป ของมันสังหารมันเอง ฉันเพลแล้วจึงค่อยไปดูมัน

เจ้าลิงขาวมันทรงอภิญญา ฉันสู้มันไม่ได้สักอย่างและเจ้าลิงเล็กด้วย มันทรงอภิญญาเหมือนกัน พวกเขาเป็นทหารคุ้มครองเรื่องอันตราย นอกจากกฎของกรรมใหญ่แล้วเขาคุ้มได้จริง ๆ เมื่อทุกองค์ฟังแล้วก็ทำงานตามปกติ เมื่อถึงเวลา ๑๑ น. เศษ ๆ ต่างก็พักจากงานมาอาบน้ำฉันข้าวเพล เมื่อฉันเสร็จก็พักเหนื่อยถึง ๑๓ น. จึงจะขึ้นทำงาน คราวนี้เราพักกันจวนค่ำคือตะวันยอแสงจริง ๆ ด้วยอยากให้งานเสร็จเร็ว ๆ ไม่ใช่กลัววัวเขาอ่อน ไม่อยากให้งานยืดเยื้อ เผื่อว่าแม่วัวแก่หิวจัดจะได้ดื่มอาหารเร็ว ๆ พูดเรื่อยไปอย่างนั้นเอง เมื่อขณะพักงานนอนลงไปชั่วครู่ก็มีคนมาบอกว่า มีลาวคนหนึ่งนอนบวมทั้งตัว นอนร้องครวญครางอยู่ที่หลังเขา ทุกองค์ไปดูก็พบเจ้าลาวปากเสียคนนั้น มันบวมเกือบปริ ร้องครวญครางน่าสงสาร เมื่อสอบถามก็ยอมรับว่าหวังจะทำให้พระทั้งหมดตาย มันเอาก้อนหินมาวางเป็นแถว จะเอาก้อนหินเข้าท้องพระ มันเก่งมาก แต่พอเริ่มทำก็ปรากฏว่ามีบาทาใครไม่ทราบมากระทบมันทั้งตัว เล่นเอานอนคว่ำนอนหงาย ในที่สุดหมดแรงลุกไม่ขึ้น บวมทันทีทันใด เรื่องต่อไปก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคู่ปรับเขานำส่งหลวงพ่อที่วัดบางนมโค สมัยนั้นการคมนาคมดีมาก แต่ว่ามีน้อยเหลือเกิน กว่าคนป่วยจะผ่านด่านมาถึงวัดบางนมโคก็เป็นวันที่ ๓ ของวันป่วย มันร้องครวญครางไพเราะมาก เมื่อถึงหลวงพ่อ ท่านจัดการให้ขมาพระรัตนตรัยและรับว่าจะบวช เมื่อเขารับคำแล้วท่านก็ถอน หายภายในไม่ถึง ๓๐ นาที เพราะไม่ใช่ไข้ เป็นโรคบาทาท่านขุนด่านกระทบ ( ท่านขุนด่าน ท่านเป็นคณะเดียวกับพระกาฬลพบุรี ) ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร วันหน้าค่อยฟังใหม่ วันนี้ถึงเวลาอาบน้ำเย็นเสียแล้ว ต้องต้มน้ำอุ่นอาบ ตามใจคนอุปถัมภ์เขา เขาหวังดีไม่มีผลร้ายก็ต้องตามใจเขา ตามลำพังคนเดียวดีไม่ดีไม่กินข้าวส่งเดช นอนคอยเท่งทึงเสียสบายใจ เอาละ คนต้มน้ำเขามาบอกว่าน้ำร้อนนานแล้ว เขาทำแล้ว ฉลองความดีเขา ใจเขาจะได้สดใส ตายแล้วจะได้ไปสวรรค์ ขอลูกหลานทุกคนจงสบายดีนะ สวัสดี

---เจ้าพ่อขุนด่าน---

วันนี้วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๑๔ เมื่อวานนี้แนพูดถึงเรื่องเจ้าพ่อขุนด่าน ท่านใช้บาทากระทบเจ้าลาวอันธพาลคนนั้นเข้า จนเจ้าลาวเจ็บและบวมไปทั้งตัว ในที่สุดพระองค์ปากเสียก็ต้องเป็นเจ้าภาพนำส่งหลวงพ่อปาน คนที่จัดรายการนี้ก็คือเจ้าลิงขาวเขาเป็นผู้สั่ง เพราะเขามีฐานะเป็นผู้รักษาความปลอดภัย ที่เขาสั่งอย่างนั้นก็ประสงค์ให้ทั้งสองฝ่ายเลิกอาฆาตมาดร้ายกันเสีย เมื่อเจ้าลาวอันธพาลไปพบหลวงพ่อปาน ท่านขอให้ขมาพระรัตนตรัย ด้วยทำกับพระที่ช่วยเสริมสร้างพระศาสนา เป็นการทำลายความเจริญรุ่งเรืองของพระศาสนาไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล ความเห็นของท่านเป็นอย่างนี้ เมื่อหายแล้วจะบวช มันก็ยอมรับ เพราะถ้าไม่ยอมรับท่านไม่รักษาให้ เมื่อมันยอมรับแล้วท่านทำน้ำมนต์ให้กิน เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมันก็หายเป็นปกติ ลูกหลานอาจจะสงสัยว่าน้ำมนต์วิเศษอย่างไรจึงแก้โรคได้ชะงัดนักและหายรวดเร็ว เรื่องนี้จงทราบว่าไม่ใช่โรคธรรมดาที่เกิดกับร่างกาย มันเป็นโรคบาทากระทบและเกิดจากบาทาของผี นี่ว่ากันตามภาษาชาวบ้าน ถ้าพูดตามภาษาพระที่พอจะเอาแบบเอาแผนตามพระพุทธเจ้าสักหน่อย ไม่มาก ก็เพียงใช้ฌานโลกีย์ ก็ต้องพูดว่าโรคเกิดจากบาทาเทวดาหรือบาทายักษ์

คำว่ายักษ์จงทราบไว้ด้วยว่าไม่ใช่ยักษ์ในแบบเรื่องรามเกียรติ์ เพราะยักษ์พวกนั้นพระที่ทรงฌานไม่รู้จัก ยักษ์ที่กล่าวนี้เป็นชื่อของเทวดาพวกหนึ่งที่มีอานุภาพมาก ตายจะมนุษย์ที่ทรงฌาน แต่ทว่าเวลาตาย ๆ นอกฌาน ไม่ได้เข้าฌานตาย ไปเป็นบริวารของท่านท้าวเวสสุวัณ ท่านเรียกว่ายักษ์ แปลว่า ผู้ที่คนควรบูชา ไม่ใช่ยักษ์อันธพาลอย่างพวกยักษ์ทศกัณฐ์ ความจริงยักษ์พวกทศกัณฐ์จะหาว่าเป็นอันธพาลก็อาจจะบาปเกินไปสำหรับคนพูด ด้วยยักษ์พวกนี้มีจริงหรือไม่ ไม่มีใครรับรอง หาเหตุหาผลกันยากเต็มที ถ้ามีฉันก็คิดว่าคงจะไม่น่ากลัวเท่ายักษ์อีกพวกหนึ่ง ยักษ์พวกนี้มีดื่นในสมัยปัจจุบัน มีทั้งที่ตัวเราเอง ที่ลูก ที่เมีย ที่บริวาร แม้ในวงราชการก็ได้ยินข่าวว่ายักษ์พวกนี้เข้าสิงอยู่หมด เห็นวิทยุออกข่าวว่าอย่างนั้น ทางหนังสือพิมพ์เขาก็ลงข่าวว่ายักษ์พวกนี้ แม้ชาวบ้านชาวเมืองชาวราชการเขาก็พูดกันว่ายักษ์พวกนี้มีมาก มันมีอำนาจมากด้วย ไม่เกรงกลัวใคร แม้พวกทหาร ตำรวจที่ถืออาวุธ เจ้ายักษ์พวกนี้ก็ไม่กลัว ยักษ์พวกนี้เวลาเขียนหนังสือไม่ต้องใช้ตัว ข หรือ ตัว ษ การันต์ ด้วยมันเป็นยักพิเศษ

ลูกหลานที่รักรู้จักยักพวกนี้ไหม ลองนั่งนึกสักครู่ นึกออกไหม ถ้านึกไม่ออกจะบอกให้ เจ้ายักพวกนี้เราเรียกชื่อเต็มเขาว่า ยักยอก เมื่อรู้จักชื่อแล้วลองช่วยกันใคร่ครวญกันดูทีหรือว่ามันร้ายแรงมากไหม มันยักไม่เลือกที่ ไม่เลือกบุคคล ยักดะไปหมด ยักผัว ยักเมีย ยักลูก ยักหลาน ยักญาติ ยักราชการ มันยักได้ทุกสถานที่ แม้ตัวเราเองที่คบมันไว้มัก็ยัก จะสมมติให้เป็นอาการที่มันยักตัวเราเองก็คือ สมมติว่าลูกหลานทำงานรับจ้าง นายจ้างจะเป็นรัฐหรือบุคคลก็ตาม ตามระเบียบงานเขาว่าเขาจะให้เงินเดือนเพื่อเลี้ยงตัว เวลาที่เราจะทำงานเราก็ว่าจะเอาเงินมาเลี้ยงตัว จะจ่ายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พอได้เงินเข้าจริง ๆ เจ้ายักพวกนี้มันก็สอนให้เราเป็นยักษ์ คือ ยักเงินค่าอาหารประจำวัน ค่าเล่าเรียนของลูก ค่ากระโปรงเมีย ค่ากางเกงตนเอง เอาไปซื้อเหล้าเมายาเสีย บางรายการก็ยักเมีย ได้รับเงินมามากบอกเมียว่าได้น้อย แอบไปหาความสำราญนอกบ้าน ฯลฯ เอากันเท่านี้ก็พอ เห็นหรือยังว่าเจ้ายักพวกนี้มีความร้ายแรงกว่ายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์มาก เรื่องยักษ์พักกันดีกว่า มาว่ากันถึงเรื่องท่านเจ้าพ่อขุนด่านต่อไป ว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกฉัน หมายถึงพระทุกองค์อย่างไร และรู้ได้อย่างไรว่าบาทาที่กระทบเจ้าลาวอันธพาลนั้นเป็นบาทาท่านเจ้าพ่อขุนด่าน

---อานุภาพท่านเจ้าพ่อขุนด่าน---

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องรู้จักท่านเจ้าพ่อขุนด่าน มาพูดถึงเรื่องอานุภาพท่านสักหน่อย ลูกหลานจะได้ไม่สงสัย หรือใครจะสงสัยก็ตามใจ ไม่ว่าอะไร ถ้าสงสัยก็จงหัดขยันทำสมาธิตัดความชั่วทางใจที่อยากสนใจเรื่องของชาวบ้าน ใครเขาจะดีจะชั่วช่างเขา ถ้าเป็นคนที่เนื่องกับเราก็ตักเตือนโดยธรรม เมื่อเขาไม่รับฟังก็ตัดหางปล่อย ไม่สนใจกับเขาต่อไป ไม่ข่มขู่ใคร ไม่อวดว่าเราดีกว่าใคร สนใจแต่รักษาอารมณ์ของเราเป็นสำคัญ อารมณ์ที่ควรรักษาก็คือ ไม่มีอารมณ์โหดร้ายฆ่าใคร ทำร้ายใคร ไม่ลักเล็กขโมยน้อยใคร ไม่แย่งความรักหรือขโมยรักลูกใคร เมียใคร ผัวใคร ญาติใคร หลานคร และคนในปกครองของใคร ไม่โกหกมดเท็จใคร ไม่ย้อมใจด้วยน้ำเมาแม้แต่หยดเดียวก็ไม่เอา ต่อไปก็ตัดอารมณ์อยากเสียชั่วคราวคือ อยากเป็นผัวเป็นเมียใคร แม้ชั่วขณะก็ไม่อยาก ไม่อยากฆ่าใคร กลั่นแกล้งใคร มีอารมณ์จับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออกจริง ๆ วันละ ๑๐ นาที ไม่ต้องมาก ไม่ปล่อยอารมณ์ให้ง่วงเคลิบเคลิ้มเมื่อนั่งจับ คือ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ไม่สงสัยผลที่รู้ลมหายใจเข้าออกว่าจะไม่เป็นผล ให้รู้จักฝึก ต่อไปก็รักษาอารมณ์ใจให้สดชื่นด้วยความเมตตาปรานี อยากสงเคราะห์คนและสัตว์ที่มีทุกข์มีอารมณ์สดชื่น ไม่คิดว่าใครเป็นศัตรูกับเรา ไม่ริษยาใคร เมื่อเขาได้รับรางวัลจากใครก็ช่าง หรือจากผลงานของเขาเองก็ช่าง วางอารมณ์เฉยไม่ซ้ำเติมเมื่อคนอื่นถึงความวิบัติ หัดไว้เท่านี้ทุกวัน ใช้เวลารักษาอารมณ์อย่างนี้เพียงวันละ ๑๐ นาที เมื่อพ้นแล้วจะอยากทำอะไรก็ตาม ไม่ห้าม เวลารักษาอารมณ์จงละมันจริง ๆ เพียงวันละ ๑๐ นาที ถ้าทำได้เรื่องผีเรื่องเทวดาเรื่องเล็กเหลือเกิน รู้ได้กระทั่งว่าเราตายแล้วจะไปไหน เมื่อก่อนเกิดมาจากไหน ไม่มีอะไรยากเลย ทำได้ไหมจ๊ะ ถ้าทำได้ก็รู้เองได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ฟังฤาษีหัวล้านเล่าเรื่องนี้เป็นนิทานต่อไป ฟังแล้วอย่าเชื่อ ใครเชื่อก็เป็นคนโง่ เมื่อฟังแล้วปฏิเสธว่า ไม่มี ไม่จริง โดยที่ตนเองไม่พยายามทำตาม ฉันก็ว่ายิ่งโง่มากกว่าพวกที่เชื่อเฉย ๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าบรมโง่ ทั้งนี้เพราะนิทานที่เล่าให้ฟังเป็นนิทานมีแบบปฏิบัติ

ว่ากันต่อไป เมื่อรักษาอารมณ์ดีแล้วก็หัดฝึกอารมณ์รักษานิมิต ปล่อยนิมิต ตามแบบฝึกวิชชา ๓ ตามที่ท่านผู้รู้เขียนไว้ในหนังสือฝึกสมาธิ หรือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน หรือในวิสุทธิมรรคเผด็จ ๖ เล่ม ที่ท่านเอาเป็นหลักสูตรประโยค ๘ ของพระก็ดี ฝึกตามนั้นง่ายนิดเดียว เดี๋ยวก็เห็นหมด หมดสงสัย คนที่ไม่ยอมโง่เขาทำกันอย่างนี้ ไม่ใช่มานั่งอวดเป็นนักปราชญ์ออกอากาศสอนชาวบ้านแล้วก็คัดค้านคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หาว่าเรื่องภาณยักษ์ ภาณพระเป็นเรื่องของพราหมณ์ ในพระพุทธศาสนาไม่มี ท้าวมหาราชทั้งสี่ คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ท้าวกุเวรหรือที่เรียกว่าท้าวเวสสุวัณ ไม่มีในพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่พราหมณ์แต่งขึ้น พูดอย่างนี้รู้มากไป อายท่านผู้พูด อายุเท่าไร ทำไมแอบไปรู้เรื่องก่อนพระพุทธศาสนาเกิด และท่านอ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวไว้ แสดงว่าท่านติดตามพระพุทธเจ้ามาทุกระยะ เป็นอันว่าท่านเกิดก่อนพระพุทธเจ้าเสียอีก เกิดก่อนต้นตระกูลศาสนาพราหมณ์ ถึงได้ทราบว่าพราหมณ์บัญญัติขึ้น และท่านติดตามพระพุทธเจ้าตลอดมา พระพุทธเจ้าได้ไปเทศน์ที่ไหน พูดกับใคร ท่านคอยฟังตลอดเวลา ความจำท่านเองก็ดีมาก จำได้ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยพูดกับใครเรื่องนี้ ท่านเองก็มีอายุยืนมาก ท่านมีชีวิตได้ถึงวันนี้ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๑๔ แสดงว่าท่านมีอายุหลายพันปี ท่านเก่งกว่าพระพุทธเจ้ามาก ท่านคงจะเป็นญาติกับท่านเทวทัต มันแน่นักหรือนายที่ออกข่าวมาอย่างนั้น

การพูดที่คิดเอาเองไม่ใคร่ครวญให้ดี ไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ เที่ยวรื้อโบสถ์รื้อศาลา รื้อประเพณีที่ดีงาม ถึงแม้ว่าจะพลาดเป้าไปบ้าง ถ้าไม่มีภัยควรแล้วหรือที่จะไปรื้อของเขา ความรู้ที่พระพุทธเจ้าสอน ท่านสร้งอารมณ์ทรงไว้ได้หมดแล้วหรือ หรือว่าเพียงแต่อ่านผ่านไป ท่านทรงปฏิสัมภิทาแล้วหรือยัง แม้แต่พระที่ทรงปฏิสัมภิทายังมีโง่ตั้งเยอะ โดนพระพุทธเจ้าถามสิ่งที่ไม่ใช่วิสัยยังงงเป็นไก่ตาแตก คลำหาคำตอบไม่ได้ เพื่อนเอ๊ย ไหน ๆ ก็อาศัยพระพุทธบารมีสร้างวาสนาบารมีจนมีชื่อเสียงโด่งดัง อย่าสมัครไปอยู่กับเทวทัตเลย ลูกหลานเอ๋ย นี่ฉันพล่ามมากไปกระมัง ที่พูดนี้บังเอิญฟังวิทยุได้ยินนักปราชญ์ท่านปฏิเสธเรื่องภาณยักษ์ ภาณพระ เรื่องท้าวมหาราชไม่มีตัวตน แม้ฉันอยู่ในป่าที่ไกลเมืองหลายร้อยกิโลเมตร ฉันก็มีวิทยุฟัง เพราะลูกอัศนียา อนันตวงษ์ เธอให้ไว้ ๑ เครื่องใช้ถ่านไฟฉาย ๒ ลำโพง มีเครื่องเล่นจานเสียงด้วย แต่ฉันก็ใช้ฟังน้อยเหลือเกิน ด้วยฤาษีมีเวลาว่างยาก เกรงว่าเจ้าเสือร้ายในป่ากิเลสมันจะทำอันตราย เลยต้องระวังตัวเสมอะ เพื่อนรัก ขอพูดกับนักปราชญ์อีกนิด ตั้งตัวเสียใหม่เถิดเพื่อน ฟังเพื่อนพูดแวแสดงว่าเพื่อไม่มีเลยแม้แต่ฌานโลกีย์ เพื่อไม่เกิน ๗๐ ฝนเป็นอย่างมาก เพื่อนอย่าคะนองปากนักซิ ฝึกฝนอารมณ์ตนตามพุทธวัจนะเสียบ้าง จะได้เลิกพูดแบบนี้

ลูกหลานทั้งหลาย วันนี้สาระน้อยไปหน่อยนะ เพราะมัวไปทะเลาะกับท่านนักปราชญ์เพลินไป มาพูดกันถึงอานุภาพท่านขุนด่านอีกหน่อย เพราะชักเหนื่อยแล้ว ท่านขุนด่านเป็นเทวดาของท่านท้าวเวสสุวัณ มีเครื่องทรงประจำสีแดง คือ นุ่งห่มสีแดง และโพกผ้าก็สีแดงเหมือนกัน ท่านที่ทรงเครื่องแดงนี้จัดเป็นเทวดามีอานุภาพมาก สมัยที่เขาวงพระจันทร์ยังมีสถานที่ยังไม่สมบูรณ์อย่างปัจจุบัน หลวงพ่อปานท่านกำลังสร้างมณฑปและบันไดขึ้นเขา มีพระองค์หนึ่งเป็นลูกศิษย์นอกสำนักของหลวงพ่อปาน ชื่อ ท่านสำราญ ชาวบ้านเรียกว่าอาจารย์สำราญ ขณะนี้สำราญอยู่เมืองผีนานแล้ว เพราะท่านแก่กว่าฉันมาก สมัยฉันอายุ ๒๐ ปีเศษ ท่านมีอายุเกือบ ๔๐ ปีแล้ว ท่านอยู่ประจำที่เขาวงพระจันทร์ เป็นเขตอารักขาของท่านขุนด่าน หลวงพ่อปานท่านสั่งไว้เสมอว่า อย่าประกาศตัวเป็นศัตรูกับผี ควรทำตนเป็นมิตรกับผีจะได้อยู่เป็นสุข เพราะผีไม่ใช่คน ถ้าเป็นศัตรูกัน เวลาที่เขามาทำอันตรายไม่มีนิมิตปรากฏ ท่านก็ไม่เชื่อ ปกติท่านสวดบทวิปัสสิทธิ์เสมอเพื่อไล่ผี คาถาบทนี้เป็นคาถาในบทภาณยักษ์และภาณพระ คำว่า ภาณยักษ์แปลว่ายักษ์พูด คำว่าภาณแปลว่าพูด เป็นคาถาที่ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ท่านประชุมกันร้อยกรองขึ้น เมื่อร้อยกรองเสร็จท่านก็ประชุมผีทั้งหมด ท่านสั่งว่าใครเขาสวดคาถาบทนี้อยู่ห้ามทำอันตราย ถ้าใครไม่เชื่อจะลงโทษฐานกบฏ มาตรานี้มีโทษรุนแรงมาก เมื่อประกาศแล้วท่านทั้งสี่ก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านทั้งสามให้ท้าวเวสสุวัณเป็นคนพูดกับพระพุทธเจ้า ท่านจึงเรียกภาณยักษ์ ตอนที่ท้าวเวสสุวัณพูด แปลว่า ยักษ์พูด เมื่อท้าวเวสสุวัณกราบทูลถวายกับพระพุทธเจ้า ได้กราบทูลมีใจความว่า พวกยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาคและบริวาร ส่วนอื่นของข้าพระพุทธเจ้าที่ไม่เลื่อมใสในพระองค์มีมาก เมื่อบรรดาพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา ไปทำสมณธรรมคือชำระอารมณ์ให้หมดจากกิเลส พวกนี้มักจะกลั่นแกล้งให้ตกใจกลัว เป็นอันตรายแก่พรหมจรรย์มาก

คำว่าพรหมจรรย์ไม่ใช่คนบริสุทธิ์ ไม่เคยผ่านใครมาเลย นั่นยังไม่เรียกว่าพรหมจรรย์ ควรเรียกว่าคนยังไม่เคย ส่วนพรหมจรรย์แปลว่าประพฤติประเสริฐ คือ ไม่เป็นอันตรายแก่ใคร ได้แก่คนมีพรหมวิหาร ๔ นั่นเอง พวกที่ไม่เคยผ่านการร่วมรัก อาจจะเคยลักขโมย ฆ่าสัตว์ โกหกมดเท็จ กินเหล้าเมาสุราบ้างก็ได้ เรียกว่า พรหมจรรย์จึงไม่ตรงเป้าหมาย ส่วนพรหมจรรย์แท้ท่านหมายเอามีความประพฤติอย่างประเสริฐ คือ มีอารมณ์เหมือนพรหม มีศีลบริสุทธิ์ มีเมตตาปรานี มีฌานเป็นอารมณ์ อย่างนี้เป็นพรหมจรรย์อันดับปฐม พรหมจรรย์อย่างมัธยมก็ต้องตัดกิเลสสิ้นไปเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้เรียกว่าระดับมัธยม หรือเรียกดุษฎีบัณฑิต เป็นอันว่ารู้กันนะว่าพรหมจรรย์หมายความว่าอย่างไร เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทของพระองค์ไปเจริญสมณธรรมในป่าในรกที่สงัด ถ้าเกรงว่าบรรดาผีอันธพาลทั้งหลายจะรบกวน ให้เขาสวดคาถาบทนี้ผีจะไม่ทำอันตราย เมื่อท่านอธิบายแล้วก็ถวายคาถา จึงเรียกว่าภาณยักษ์ เพราะเป็นตอนยักษ์พูด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านรับไว้แล้วท่านมหาราชกลับแล้ว ท่านเรียกประชุมพุทธบริษัท ท่านก็ให้บริษัทเรียนและอธิบายตามนั้น ตอนนี้ในตำนานท่านกล่าวว่า พระพูด เรียกว่า ภาณพระ

ท่านสำราญท่านถือคาถานี้เป็นสำคัญ ท่านไม่ได้ทำดีคือสมณธรรม ท่านถือว่าท่านเก่ง พ่อสวดมนต์บทนี้ไล่ผีทุกวัน ผิดระเบียบพระที่ดี ไม่ทำดีแต่เอาอาวุธของคนดีมาใช้ก็เลยไม่มีผล พอเผลอท่านขุนด่านเลยจัดการเสียตามระเบียบ คือ เวลาประมาณ ๑๗ น. โดยประมาณ อาจจะไม่ตรงเผง ฉันและเพื่อนได้ยินเสียงท่านสำราญร้องโอย ๆ เสียงดังมาก ก็พากันวิ่งไปดู คิดว่าใครทำอันตรายท่าน ไม่ได้คิดว่าผีทำ คิดว่าคน คื อพวกของเจ้าลาวอันธพาล เมื่อวิ่งไปถึงปรากฏแก่ตาของพระทุกองค์ เห็นคนนุ่งแดงใส่เสื้อแดง ผ้าโพกหัวแดง ถือหวายขนาดใหญ่ กำลังหวดซ้ายป่ายขวาท่านสำราญ ๆ ลงไปนอนบิดไปบิดมาอย่างสำราญอยู่กับพื้น เจ้าสองลิงคือเจ้าลิงขาวกับลิงเล็กวิ่งเข้าไปร้องขอว่า ท่านขุนด่าน ขอทีเถอะ หยุดลงโทษเสียทีเท่านี้พอแล้ว แกหันมามองตาแดงก่ำ แดงเป็นสีตายักษ์ แกยิ้ม แต่ทว่ายิ้มของแกไม่น่ารักเลย มันน่ากลัวมากกว่า พระที่วิ่งไปด้วยเห็นยิ้มของแกเข้าหลบก้มหน้าลงดินเป็นแถว ที่ยืนปกติมีฉันกับเจ้า ๒ ลิง เมื่อแกเลิกยิ้มแกบอกว่า เจ้านี่อวดดีนัก เอาคาถาท่านมหาราชมาขับเทวดาขับผี เขาให้ไว้สำหรับคนดี ไม่ใช่ธุระของคนอันธพาลจะนำมาใช้ เลยจัดการเสียนิดหน่อย คราวต่อไปทำอย่างนี้อีกจะลงโทษให้หนักกว่านี้ แล้วแกก็ก้าวขึ้นขื่อหายไป พระทุกองค์ที่ไปเห็นและได้ยินเหมือนกัน นับแต่นั้นมา ท่านสำราญท่านเห็นว่าที่เขาวงพระจันทร์สำราญเกินไป ท่านทนความสำราญไม่ไหวเลยลาไปสำราญที่อื่น พวกฉันเห็นได้ท่าก็เลยหันมาสำทับพวกเดียวกัน บอกว่าที่นี่เจ้าที่ดุ ต่อไปจงระมัดระวังความประพฤติ ถ้าใครทำชั่วไม่มีใครช่วยใครได้ อาจจะต้องมีโทษมากกว่านี้ เรื่องวัวเขาอ่อนเป็นเหตุ ถ้ายุ่งมากอาจจะถึงตาย และความประพฤติส่วนอื่นก็เหมือนกัน จงระงับเสีย อย่าเอาชั่วมาใช้ เรามาทำบุญกัน อย่าเอาบาปกลับวัด เป็นเรื่องน่าประหลาด เมื่อฉันและเพื่อนเตือนพระเย็นวันนั้น พอเช้าก็มีพระทุกองค์มารายงานว่าเมื่อคืนนี้ทุกองค์เห็นท่านขุนด่าน ท่านมาคาดโทษว่าถ้าท่านใดทำเลวปล่อยใจอย่างฆราวาส ท่านจะจัดการยิ่งกว่าท่านสำราญ

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พระที่อยู่ร่วมกันสำรวมเรียบร้อยดีทุกองค์ ไม่มีใครสนใจกับแม่วัวเขาอ่อน จะรักจะชอบก็ไม่กล้าแสดงออก ลูกหลานที่รัก นึกว่าปลอดแล้วหรือที่พลพรรคของฉันจะไม่ถูกรุกรานจากวัวเขาอ่อน เปล่าเลย ยิ่งเฉยก็ยิ่งเรียบร้อย ก็เกิดมีวัวตัวแปลก ๆ ปรากฏมากขึ้น ดูเหมือนจะเป็นวัวพันธุ์ดีกว่าที่เคยเห็นมา เมื่องานเสร็จงวดจาหน้าที่ของท่านเหล่านั้น แทนที่ท่านจะกลับภูมิลำเนาเดิม ต่างก็เดินเข้าคอกวัวกันเป็นแถว แม่วัวเขาอ่อนนี้ช่างมีอานุภาพมากจริง ไม่รู้ว่าย่องไปตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อเธอมาไม่เห็นพูดอะไรกัน ต่างก็วางท่าวางทางสงบเสงี่ยม แต่หลังจากพ่อวัวเหลืองสลัดหนังเดิมออกกลายเป็นควายเปลี่ยวไปแล้ว และเดินเข้าคอกวัวเขาอ่อนไป พวกเราก็พบจดหมายรักที่ที่นอนของพ่อวัวเหลืองเป็นปึก ๆ เป็นจดหมายตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงอวสาน คือ ตกลงแต่งงานตามคำขอร้อง และช่วยเป็นภารธุระด้วยประการทั้งปวง เป็นอันว่าเรื่องอานุภาพของท่านขุนด่านตอนนี้ก็หยุดเพียงเท่านี้นะ เพราะถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี พรุ่งนี้คุยกันใหม่ ขอลูกหลานทุกคนจงมีอารมณ์สบาย ทรงฌาน ทรงญาณ และเข้าถึงวิปัสสนาญาณโดยทั่วกันทุกคนนะ สวัสดี

หน้าที่ผ่านมาหน้าต่อไปCopyright © 2001 by
Amine
พิมพ์โดย casnova11 พ.ย. 2545 14:41:56