แต่ว่าจะมีอีกสิ่งหนึ่งก็คือว่า หลวงพ่อปานตายแล้วเกือบร้อยปีไม่เคยโกนหนวด แต่โกนผม ดังนั้นหนวดก็เลยยาวแต่ผมสั้น และหนวดอายุเกือบร้อยปีก็เลยขาว ผมก็ขาวไปด้วย ถ้าจะว่าอย่างนั้นก็ยังเป็นที่สงสัยอีก ก็เพราะว่าหลวงพ่อปานมรณภาพไปแล้วประมาณร้อยวันเศษ ๆ เราก็เผากัน ไม่ได้เก็บเอาซากศพของท่านไว้ ถ้าหากจะบอกว่าหนวดมันงอกขึ้นมาและหนวดมันแก่ลงไปก็เป็นของอัศจรรย์ ข้อนี้อาตมามีความสงสัยมาก ถ้าหากว่าทางวัดบางนมโคมีโอกาสจะแจ้งมาให้อาตมาทราบก็จะได้แจ้งแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทว่าภาพนี้ได้มาจากไหน ก็จะเป็นการดี
เอาละ ต่อจากนี้ไปก็มากล่าวถึงความสัมพันธ์ของอาตมากับหลวงพ่อปานว่าทำไมอาตมาจึงมีความเคารพหลวงพ่อปานมาก จะไปที่ไหนก็ไม่เคยทิ้งครูบาอาจารย์ และการกระทำอะไรก็ตามทุกอย่างก็ใช้นามของหลวงพ่อปานติดไว้เสมอ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นที่น่าสงสัย แต่ว่าเรื่องนี้ขอยกไว้ก่อน มาพูดถึงเรื่องชีวิต ความดี ของหลวงพ่อปานที่บรรดาคณะลูกศิษย์ลูกหาต้องพากันอาลัยในท่าน คำว่า อาลัย ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเศร้าโศกเสียใจ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ที่หลวงพ่อปานสอนพวกเรามาอยู่ตลอดเวลาให้รู้จักยอมรับกฎของธรรมดา แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธบริษัท การที่หลวงพ่อปานตายไปในคราวนั้น เหมือนกับชีวิตของเราจะปลิดลงไปด้วยพร้อมกับชีวิตของท่าน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพวกเรากับพระอานนท์มีสภาพคล้ายคลึงกัน พระอานนท์เป็นอุปฐากขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปไหน พระอานนท์ก็ติดตามไปด้วย
แต่ทว่าในบางโอกาสองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถไม่มีโอกาสให้พระอานนท์ติดตาม เพราะกิจนั้นพระองค์จะต้องทำพระองค์เดียว พระองค์ก็เสด็จไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพุทธบริษัทตามที่ตกอยู่ในข่ายพระญาณของพระองค์ แต่ครั้นเมื่อกลับมาแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์นั้นให้พระอานนท์ได้ทราบว่า ตถาคตไปคราวนี้ไปโปรดใคร ที่ไหน และเทศน์ว่าอย่างไร เขามีผลเป็นประการใด นี่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำอย่างนี้ ก็เพราะเหตุว่าพระอานนท์ได้ขอพรไว้ในสมัยที่พระอานนท์จะเข้ามาเป็นพุทธอุปฐาก ได้ขอให้องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับรองว่า จะไปเทศน์ที่ไหน ถ้าพระอานนท์ไม่ได้ไปด้วย ก็ขอให้พระพุทธองค์ทรงโปรดได้เทศนาให้ทราบด้วย เหตุผลอันนี้ก็เพราะว่า ถ้าหากว่ามีใครเขามาถามว่า พระพุทธเจ้าไปเทศน์กับใครที่ไหน ว่าอย่างไร ถ้าเขาสงสัย พระอานนท์จะได้บอกให้เขาฟังได้
นี่ ก็เป็นเหตุผลที่ดีประการหนึ่ง เพราะว่าพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ พระเดินตามหลัง คือ ปฏิบัติพระพุทธเจ้า เรียกกันว่า พุทธอุปัฏฐาก ก็จำเป็นที่ต้องรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคจึงได้มีมหากรุณาธิคุณ สงเคราะห์พระอานนท์ตามที่ขอไว้ เรื่องของพระอานนท์กับพระพุทธเจ้าสภาวะฉันใด คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อปานก็ดี อยู่ในสำนักของพระพุทธเจ้าก็ดี ไม่ได้หมายความว่าท่านเหล่านี้จะมีความเคารพในพระธรรมวินัยเสมอไป มีจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายครูบาอาจารย์ เพราะคิดว่าตัวเองนี้นั้นเป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้วิเศษ มีความดีเกินกว่าอาจารย์จะพึงให้คนที่มีจิตใจประเภทนี้มีอยู่ ถึงแม้ในเวลาที่องค์สมเด็จพระบรมครูยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ คนที่อยู่ในสำนักขององค์สมเด็จพระบรมครูยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ คนที่อยู่ในสำนักขององค์สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ตัวอย่างเช่น พระเทวทัตนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายก็ทราบแล้ว ความจริงก็เป็นญาติขององค์สมเด็จพระประทีบแก้ว มีฐานะเป็นพี่ คือ เป็นลูกของลุง และก็เป็นพี่ของพระนางพิมพา ก็เลยกลายเป็นพี่ภรรยาอีกชั้นหนึ่ง แต่ทว่าพระเทวทัตมาบวชอยู่กับองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนพระเทวทัตให้ได้ฌานสมาบัติ ทรงอภิญญา แต่พระเทวทัตก็กลับทำลายล้างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ กฎของธรรมดาความจริงมันมีอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ฉะนั้นบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อปานก็เช่นกัน อย่านึกว่าเขาจะสนใจในพระธรรมวินัยเสมอไป ที่ไม่เอาไหนก็มีมากมายเหมือนกัน ที่ดีเลยกว่าท่านผู้นั้นจะเข้าใจก็มีอยู่มาก อุปมาดังสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อพระองค์ทรงบำเพ็ญอยู่ สาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูก็มีหลายแบบ เช่น พระฉันนะนี่ก็ไม่เอาไหนเหมือนกัน ใครจะว่าอะไรก็ไม่ได้ จะสอนอะไรก็ไม่ฟัง ทำผิดถูกอย่างไรก็ช่าง ใครจะพูดว่ากล่าวเข้าพระฉันนะก็อ้างว่าท่านเป็นคนสนิทชิดเชื้อขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ความจริงของกฎธรรมดาเป็นอย่างนี้