สัมภาษณ์ผู้ฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลัง
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10

โดย .. วันเพ็ญ แพรัวรุ่งเรือง


ข้าพเจ้ามาถึงวัดท่าซุง ตอนบ่ายของวันที่ ๑๓ ธันวาคม รายงานตัวแล้วเข้าพักที่ตึกกรรมฐาน บริเวณ ๒๕ ไร่ ห้อง ๒๘ ตึกหลังแรก

คืนแรกที่นอนวัด เช้ามืดของวันที่ ๑๔ ตื่นขึ้นมาทำกรรมฐานตอนตี ๓ กว่า จนเกือบตี ๔ รู้สึกปวดหลัง จึงนอนภาวนา นะมะพะธะ ต่อ ประมาณ ๑๕ นาทีต่อมาก ก็มีอาการตัวแข็งขยับไม่ได้ คล้าย ๆ กับถูกผีอำ แต่สติสัมปชัญญะยังครบถ้วนไม่ได้หลับ หูยังได้ยินผู้ที่พักห้องเดียวกันนั่งคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง ในใจนั้นก็คิดว่า ที่ ๒๕ ไร่ ผีดุจัง เล่นงานแต่เช้ามืดเลย ต่อมาก็มีอาการเหมือนกับหูอื้อ มีเสียงคล้ายกับไมค์เวลาไฟช็อต แล้วร้องเสียงสูง แต่ในความรู้สึกขณะนั้นคิดว่าเป็นตัวแมลงมาร้องอยู่ข้าหูขวา จึงแผ่เมตตาแล้วไล่ให้ไปเพราะรำคาญ เสียงก็มาดังอื้ออยู่ที่หูซ้ายอีก ความรู้สึกหนึ่งบอกว่า เป็นเสียงเบื้องบนท่านสงเคราะห์ จึงตอบในใจว่า ชอบดนตรีไทย ไม่ชอบเสียงแบบนี้เลย เสียงก็มาดังตรงกลางศีรษะอีก รู้สึกว่าอื้อไปหมด ถามตัวเองว่านี่เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกเดิมบอกให้ตามเสียงนั้นไป เสียงมันสูงเหมือนใจจะขาด และเริ่มรู้สึกเบลอ ๆ ความรู้สึกเริ่มแยกออกจากกายเนื้อ เป็นสองร่าง เคลื่อนออกมาทางศีรษะ พอเสียงสูงนั้นถึงที่สุดก็เงียบไป พร้อมกับแยกกายออกมาหมดตัวพอดี แล้วพุ่งขึ้นข้างบนอย่างแรง จนตั้งตัวไม่ทันว่าขึ้นมาได้อย่างไร ขึ้นมาลอยอยู่เหนือบริวเวณ ๒๕ ไร่ มองลงมาเห็นตึกหลังเล็กนิดเดียว ลืมสังเกตไปว่าผ่านเพดานปูนขึ้นมาได้อย่างไรตั้ง ๒ ชั้น

เมื่อขึ้นมาลอยอยู่ข้างบนได้ก็ดีใจ ร้องตะโกนออกมา คิดว่าสุดเสียงว่า "ไชโย ทำได้แล้ว" ๒ - ๓ ครั้ง พร้อมทั้งชูมือไปข้างหน้าแสดงท่าดีใจเต็มที่ พอนึกขึ้นได้ว่า เสียงที่ร้องนั้นมันดังออกมาจากทางไหนนะ คิดว่าออกจากกายเนื้อ จึงลงมาดูที่กายเนื้ออีกครั้ง ก็เห็นว่านอนเฉย ๆ ไม่มีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะถ้ากายเนื้อร้องได้ พวกที่นั่งคุยกันเขาคงต้องหันมามองบ้า เพราะคิดว่าข้าพเจ้าคงนอนละเมอ แต่ก็เห็นเขายังนั่งคุยกันอยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อมองกายตัวเองที่แยกออกมา ยกแขนดูก็เห็นเป็นตัวโปร่งใส ๆ หน้าเป็นอย่างไรไม่รู้ (ไม่มีกระจกส่อง) นึกถึงหลวงพ่อขึ้นมาได้จึงร้องตะโกนว่า "หลวงพ่ออยู่ไหน อยากเจอเหลือเกิน" แล้วหลวงพ่อก็มาจริง ๆ เป็นกายพระสงฆ์ ยืนอยู่ข้างกายเนื้อที่นอนอยู่ พร้อมกับเอาไม้เท้าชี้ไปที่กายเนื้อ แล้วถามว่า "ยังต้องการอีกไหมร่างกายเน่า ๆ แบบนี้" เมื่อมองไปตามที่หลวงพ่อชี้ ก็ร้องไห้โฮออกมา บอกหลวงพ่อว่า ไม่ต้องการอีกแล้วจริง ๆ ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเสียดายที่เห็นร่างกายตัวเองเน่า แต่เสียใจที่จะต้องกลับมาอยู่กับมันอีกจนกว่าจะถึงวาระที่จะเน่าจริง ๆ เคยปลงอสุภะเองบ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยได้เห็นร่างกายตัวเองจะเน่าเละน่าเกลียดเท่าที่หลวงพ่อทำให้ดูในครั้งนี้เลย

คิดถึงแม่ที่อยู่ชะอำ อยากกลับไปดู ลอง ๆ ก้าวเท้าเดินไปในอากาศก็เดินได้เบาและสบายเหมือนไม่ต้องออกแรง ลองเคลื่อนไปเองโดยไม่ต้องก้าวขา ก็ไปได้อีก พอคิดว่าจะให้ถึงเลย ก็ถึงทันทีเหมือนกับหายตัว หมดความรู้สึกที่โน่น แล้วมาโผล่มีความรู้สึกที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ แต่ก็เป็นไปแล้วจริง ๆ พอมาถึงที่บ้าน ในบ้านยังไม่มีใครตื่นนอนเลยเพราะยังเช้ามืดอยู่ จึงนั่งเล่นอยู่บนหลังคาหน้าบ้าน พอคิดว่าอยากจะลงน้ำ ก็รู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ในน้ำเรียบร้อยแล้วที่คลองบ้านแพ้ว เวลาที่อยู่ในน้ำนั้นไม่ต้องว่ายน้ำ พอคิดว่าจะไปทางไหนตัวก็จะเคลื่อนไปเองเหมือนเหาะหรือพุ่งไปในน้ำได้ ไม่ต้องออกท่าว่ายน้ำเลย เล่นน้ำอยู่สักครู่ถึงรู้สึกตัวตอน ๖ โมงเช้ากว่า ๆ

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ วันฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง วันแรกไม่น่าเชื่อว่าคนจะเต็มศาลา ๑๒ ไร่

แต่ละคนออกฤทธิ์กันสุดเหวี่ยง หลายคนร้องไห้เสียงดัง บางคนร้องเหมือนถูกเชือด บางคนก็ร้องออกมาฟังแล้วตลกดีจนต้องนั่งหัวเราะเขา บ้างก็พูดเหมือนนั่งบ่นอะไรก็ไม่รู้ ส่วนตัวข้าพเจ้าเองสมาธิเอาดีไม่ค่อยได้ เพราะไปติดกับเสียงร้องรอบตัว นั่งไปพอจะมีสมาธิสักหน่อยเสียงข้างหลังก็ดังอีกแล้ว ทีแรกก็ดังกุก ๆ ต่อมาก็สั่นพั่บ ๆ ต้องขยับตัวหนีเพราะกลัวถูกเตะ จำได้ว่าคนที่นั่งข้างหลังเป็นผู้ชาย เผื่อเขาจะวาดลวดลายบ้า จะเจ็บตัวฟรี พอสมาธิเริ่มทรงตัวต่อมาใครก็ไม่รู้ร้องออกมาเสียงน่าขำจริง ๆ จนข้าพเจ้าต้องหัวเราะออกมาจริง ๆ ได้ยินแกร้องว่าเจอหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง ยุ่งไปหมด

รู้สึกตอนที่คทามาแตะที่ศีรษะ ชาวาบไปทั้งตัว สมาธิเริ่มดีตึงเต็มที่แล้ว สว่างแล้ว พอคิดว่าจะเคลื่อน คนนั่งใกล้กันก็ร้องเสียงดังขึ้นมาอีก แล้วพูดอะไรก็ไม่รู้ พูดไปพูดมากลายเป็นเสียงเหน่อเป็นสำเนียงสุพรรณไปเลย พรรณนาถึงหลวงพ่อใหญ่เลย

สรุปวันนี้ไปไหนไม่ได้เลย เพราะมัวแต่ติดคนข้างเคียง เมื่อไปเต็มกำลังไม่สำเร็จจึงไปแค่ครึ่งกำลังเหมือนที่เคยฝึก ขึ้นไปนั่งอยู่บนขื่อของหลังคา ๑๒ ไร่ ดูข้างล่างเขาเต้นกัน สนุกดี ครู่เดียวสัญญาณหมดเวลาก็ดังขึ้น จึงขึ้นไปกราบทุกพระองค์ที่พระนิพพาน แล้วจึงลงมา

วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๓๖ ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังวันที่สอง คนเต็มศาลา ๑๒ ไร่เช่นเคย

วันนี้ลองตั้งอารมณ์ใหม่ เพราะเมื่อวานที่ไปเต็มกำลังไม่สำเร็จคิดว่า

1. เราไม่มีประสบการณ์การฝึกแบบนี้ จึงทำให้ตื่นเต้น

2. มัวไปติดกับเสียงร้องเสียงเต้นรอบตัว ทำให้เสียสมาธิ

3. มัวแต่รอแสงที่จะปรากฏ แล้วค่อยตามไปทีหลัง (แสงไม่มาเลยอดหมดเลย)

ครั้งนี้จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ก่อนที่จะภาวนา ได้ยกเอาอริยสัจมาพิจารณาทุกข์ทั้งหลาย สาเหตุแห่งทุกข์ มาลงที่ขันธ์ ๕ทั้งนั้น ต่อจากนั้นก็เริ่มภาวนานะมะพะธะ จนคำภาวนาหายไปตอนไหนไม่รู้ วันนี้ไม่สนใจกับเสียงร้องรอบตัวแล้ว เพราะมัวแต่สนใจคนอื่นตัวเองจึงไม่ได้อะไรเหมือนเมื่อวาน พอคำภาวนาหายไปคิดว่าอารมณ์คงเป็นฌาน จะเป็นฌานไหนไม่รู้ ทำให้ถึงที่สุดแล้วทรงอยู่สักครู่ แล้วถอยออกมาสู่อุปจารสมาธิ ตัดขันธ์ ๕ อีกครั้ง โดยใช้อารมณ์ที่หลวงพ่อให้ดูตัวเน่าเมื่อตอนเช้ามืดวันที่ ๑๔ ธ.ค. ที่ผ่านมา เห็นตัวเน่าอย่างนั้น ก็ตัดได้สนิทใจจริง ว่ามันไม่ใช่เราและเราไม่มีในมันอย่างที่หลวงพ่อเคยสอน จากนั้นก็เริ่มไปแบบครึ่งกำลังก่อน แต่ก็สว่างและแจ่มใสดีมาก ที่พระจุฬามณีใหญ่โตสวยงามเป็นพิเศษ พวกเราไปกันแล้วหลายคน กราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว กายท่านใหญ่โตและสว่าง สวยงามมาก กราบหลวงปู่ปาน หลวงพ่อ ท่านแม่ และผู้มีพระคุณอย่างที่เคยทำ ทุกท่านดีใจที่เห็นพวกเรามากันมาก ท่านแม่พาไปกราบท่านปู่ท่านย่าที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ที่พิเศษในวันนี้คือ ได้เห็นสภาพของเวชยันตวิมานของท่านปู่ - ท่านย่า ชัดเจนแจ่มใสจริง ๆ หลังใหญ่โตสูงมาก ขอขึ้นไปดูใกล้ ๆ บนหลังคาวิมาน ได้เห็นความวิจิตรบรรจงของลวดลายสวยงามไปหมด ไม่มีที่ติเลย ถ้าเป็นโลกมนุษย์งานแบบนี้คงจะมีการลักไก่กันบ้างแน่นอน แต่ของท่านงามและดูเรียบร้อยไปหมด ในสวนใกล้ ๆ กับเวชยันตวิมาน ต้นไม้ก็สวยบรรยายไม่ถูก ระยิบระยับตาไปหมด เที่ยวไม่ทั่วเพราะอยากไปพระนิพพาน รู้สึกว่าไปโผล่ที่วิมานของหลวงพ่อได้ยังไงก็ไม่รู้ มีพวกเราไปก่อนแล้วมากมาย หลวงพ่อพาไปกราบพระพุทธเจ้าและกราบทูลกับท่านว่า "พาบริษัทมากราบ วันนี้เขามากันเยอะ" ทุกคนที่ขึ้นไปดูร่าเริง ซุกซนด้วย ชอบดูโน่นดูนี่ ท่านแม่เรียกพี่หมูว่า "เทวดาหมูมาแล้ว" หลังจากนั้นก็ไปวิมานตัวเองไปนอนหนุนตักท่านแม่ มีความสุขจริง ๆ ไม่อยากไปที่ไหนอีก เพราะดูแล้วก็ไม่ใช่ของเรา สู้ที่วิมานของเราเองไม่ได้ อะไร ๆ ก็ของเราทั้งนั้น อยากดูเขาเต้นกันอีกที่ศาลา ๑๒ ไร่อีก วันนี้มีน้อยไม่มากเหมือนวันก่อน

สักครู่เดียวสัญญาณหมดเวลาก็ดังขึ้น จึงขึ้นไปกราบลาทุกพระองค์ที่พระนิพพาน มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น หลวงพ่อ - ท่านแม่เป็นที่สุด กราบขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่ได้โปรดสงเคราะห์ในการฝึกวันนี้ มีคนไปเต็มกำลังได้เยอะจริง ๆ มากกว่าวันก่อน

ไม่รู้ว่ามีใครเก็บดอกไม้ในสวนบนสวรรค์ลงมาบ้างหรือเปล่า หลายคนซนและซิ่งเหลือเกิน คงเที่ยวกันจนสวรรค์สะเทือน ปีหน้าถ้ามีการฝึกเต็มกำลังแบบนี้อีก ท่านปู่คงจะปิดสวน เพราะกลัวจะไปเก็บดอกไม้ของท่านหมดสำหรับผู้หญิงที่ชอบสวยงาม ส่วนผู้ชายก็กลังจะไปจีบนางฟ้าของท่านด้วย

วันเพ็ญ แพรัวรุ่งเรือง
๑๕๒ หมู่ ๕ ต.ดอนขุนห้วย
อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

กลับหน้า 7ไปหน้า 9Copyright © 2001 by
Amine
9 ต.ค. 2545 08:05:08