พระพุทธเจ้าก็เสด็จกลับ คนอื่นก็กลับ สุปปพุทธกุฏฐิก็กลับ สุปปพุทธน่ะเป็นชื่อ กุฏฐิ แปลว่า โรคเรื้อน ขอท่านที่มีโรคเรื้อนขอได้โปรดทราบว่าเวลาพูดนี่ไม่มีหนังสือมาหรอกนะเอาแค่ความจำ เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเธอก็มีความคิดว่า วันนี้เธอฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า เราเป็นพระโสดาบัน ถ้าพระพุทธเจ้าทรงทราบว่าคนอย่างเรา ๑เป็นขอทานด้วย ๑เป็นโรคเรื้อนด้วย ได้เป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าคงจะดีใจมาก ก็ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปกราบทูลให้ทรงทราบว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน
ขณะที่ออกจากบ้าน จากที่อยู่ ขอทานนี่ที่อยู่ไม่ใหญ่โตนักก็เดินไป ระหว่างทางพระอินทร์อยากจะลองใจ จะลองดูว่า สุปปพุทธกุฏฐิ นี่จะเป็นพระโสดาบันจริงหรือไม่ ก็ลองลงมาขวางหน้าในภาพของพระอินทร์ชัดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงถามว่า สุปปะขี้เรื้อน ถามว่า สุปปพุทธกุฏฐิ เธอจะไปไหน เธอก็บอกว่าฉันจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระอินทร์ถามว่า เธอจะไปเฝ้าทำไม สุปปพุทธกุฏฐิก็บอกว่า จะไปกราบทูลให้ทรงทราบว่าเมื่อวานฉันได้ฟังเทศน์จากท่าน เวลานี้ฉันได้พระโสดาบันแล้ว และองค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงทราบจะได้ดีใจว่าคนเป็นโรคเรื้อนด้วย เป็นขอทานด้วย ฟังเทศน์แล้วเป็นพระโสดาบัน
พระอินทร์อยากจะลองใจก็ถามว่า สุปปพุทธกุฏฐิ เธอน่ะเป็นพระโสดาบันแน่รึ เขาก็ตอบว่าแน่ ถ้าแน่หรือไม่แน่ลองอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เวลานี้เธอเป็นขอทาน มีความยากจนมาก เช้าก็ต้องไปขอทาน เย็นก็กลับ เช้าก็ต้องไปขอทาน เย็นก็กลับ ประการที่ ๒ เธอก็เป็นโรคเรื้อน คันทั้งตัวเจ็บทั้งตัว เป็นที่รังเกียจของคน ถ้าเธอพูดตามฉันพูด พูดเฉย ๆ ก็ได้โดยไม่ต้องตั้งใจ สุปปพุทธกุฏฐิก็ถามว่าจะให้พูดอย่างไร
พระอินทร์ก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก่อน ถ้าเธอพูดตามฉันพูดจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ ไม่บังคับ เมื่อพูดจบฉันจะบันดาลให้โรคเรื้อนเธอหาย มีร่างกายสวย และจะบันดาลทรัพย์ให้หล่นมาจากอากาศ เธอจะเป็นมหาเศรษฐีในวันนี้ สุปปพุทธกุฏฐิก็ดีใจถามว่า จะให้พูดอย่างไร พระอินทร์ก็บอกว่า พูดเฉย ๆ นะ
๑. พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระพุทธเจ้า
๒. พระธรรม ไม่ใช่พระธรรม
๓. พระสงฆ์ ไม่ใช่พระสงฆ์
เอาแค่นี้แหละ พูดเฉย ๆ ไม่ตั้งใจก็ได้ สุปปพุทธฟังแล้วก็ไม่พอใจ เพราะพระโสดาบันยังมีความโกรธ ก็ชี้หน้าว่า พระอินทร์ถ่อยจงถอยไป ทำไมจึงมาแนะนำถ้อยคำจังไรแบบนี้ ตามธรรมดาพระโสดาบันนี่เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์จริง ไม่สงสัยและมีศีล ๕ บริสุทธิ์ จงถอยไป ท่านบอกว่าเราคนจน เราจนแต่เพียงโลกีย์ทรัพย์ แต่อริยทรัพย์ของเรามีมาก ถึงแม้ว่าเราจะเป็นโรคเรื้อนก็ไม่มีความหมาย ร่างกายไม่มีความหมาย ต่อไปเราจะมีความสุข มีสวรรค์เป็นที่ไป
เมื่อพระอินทร์ลองแบบนี้แล้วฟังแบบนี้แล้วก็มีความมั่นใจว่า สุปปพุทธกุฏฐิเป็นพระโสดาบันแน่ ท่านก็หายไป สุปปพุทธกุฏฐิก็ตั้งใจจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แต่ไปไม่ทันถึง บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเพราะว่า สุปปุทธกุฏฐิ ผู้ที่สร้างกรรมชั่วไว้มาก ๑๐๐ ชาติที่ผ่านมา
ใน ๑๐๐ ชาติที่ผ่านมา สุปปพุทธกุฏฐิเป็นลูกมหาเศรษฐีพร้อมกันเพื่อนอีก ๓ คน นำหญิงโสเภณีเข้าไปในป่า จ้างเธอว่าถ้าเธอบริการฉันตลอดวัน ฉันจะให้เงินเธอหนึ่งพัน กหาปนะ คำว่า กหาปนะในสมัยนั้นเท่ากับ ๔ บาท หรือหนึ่งตำลึง หนึ่งพันกหาปนะเท่ากับสี่พันตำลึง ถ้าเทียบกับเงินสมัยนี้ก็เป็นล้าน หญิงนั้นก็ยอม เธอเป็นโสเภณีอยู่แล้ว ในเมื่อจะได้สตางค์มาก ๆ เธอก็ยอม ในเมื่อกิจการสำเร็จก็ถึงตอนเย็น คนสี่คนก็มาปรึกษากันว่าในที่นี้ไม่มีใคร ในป่าชัฏ เงินที่เราให้หญิงโสเภณีนี้ หนึ่งพันกหาปนะเราจะเอาคืนมา และเครื่องประดับที่ให้เธอและที่เธอมีอยู่ เราก็จะเอา แล้วต่างคนต่างช่วยกันฆ่าเธอให้ตาย การปรึกษานี้หญิงคนนั้นได้ยิน จึงมีความคิดว่าชาย ๔ คนนี่เลวมาก ให้เราบริการความสุขของเธอสิ้นเวลาตลอดวันและยังให้เงินพันกหาปนะจะเอาคืนด้วย จะเอาเครื่องประดับคืนด้วย และจะฆ่าเราให้ตาย ถ้าเธอฆ่าเรา เราจะรู้กฎของกรรมที่ทำกับเธอ ฉะนั้นเมื่อเขาตกลงกันเสร็จ เขาจึงลงมือฆ่าหญิงโสเภณีคนนั้น
ขณะที่เขากำลังฆ่าอยู่ หญิงโสเภณี มีความรู้สึกว่า ถ้ายักษิณีมีจริง ขอเราจงไปเกิดเป็นนางยักษิณี แล้วฆ่าชายทั้ง ๔ คนนี้ทุกชาติที่เกิดเป็นอันว่า สุปปพุทธกุฏฐิไปเฝ้าพระพุทธเจ้าคราวนั้นก็ไม่ทันจะถึงถูกนางยักษิณีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตาย เมื่อเขาตายไปแล้วข่าวก็ไปถึงองค์สมเด็จพระประทีปแก้วและพระสงฆ์ทั้งหลาย พระสงฆ์ก็กราบทูลองค์สมเด็จพระจอมไตรว่า ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ อยากทราบว่า ผลของการที่สุปปพุทธกุฏฐิเป็นพระโสดาบันเป็นอย่างไรพระพุทธเจ้าข้าเมื่อตายไปแล้ว พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า อาศัยที่เขาเป็นพระโสดาบัน เวลานี้เขาไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๑ พันเป็นบริวาร พระก็ถามว่า เพราะกรรมอะไรเขาจึงเป็นโรคเรื้อน พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า เพราะอาศัยที่เขาเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งท่านเป็นโรคเรื้อน ก็ถ่มน้ำลาย แสดงความรังเกียจ เขาจึงเป็นโรคเรื้อนตลอด ๑๐๐ ชาติ เขาถูกนางยักษิณีฆ่าอย่างนี้สิ้น ๑๐๐ ชาติแล้วนะ ทุกชาติที่เขาเกิดมานางยักษิณีก็แปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อนขวิดตายทั้ง ๑๐๐ ชาติที่ผ่านมา
พระถามต่อว่า อาศัยกฎของกรรมเดิมของเขาที่ทำไว้เขาจะพ้นกฎของกรรมไหม พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ในเมื่อเขาเป็นพระโสดาบัน กรรมใด ๆ ที่จะให้ผลในอุบายภูมิย่อมไม่มีอีก หมายความว่า นางยักษิณีก็ฆ่าสุปปพุทธกุฏฐิกับเพื่อนได้ ๑๐๐ ชาติ จากชาตินี้ไปแล้วก็หมดกันเป็นอันว่า เขาเป็นพระโสดาบันแล้วก็พ้น นี่แหละบรรดาญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เสียงก็ไม่ดี มันเหนื่อยมาก ยังไม่สบาย แต่ว่าชื่อว่ากฎของกรรมนิดหน่อยอย่าเพิ่งคิดว่าเล็กน้อย มันย่อมให้ผลทุกอย่าง กรรมดีก็ให้ผลดี เขาเป็นพระโสดาบันเขาเป็นเทวดา กรรมชั่วที่ทำมาก็ถูกนางยักษิณีขวิดแปลงเป็นวันแม่ลูกอ่อนขวิดตาย ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันเวลานี้เรากำลังจะทำกรรมดี คือ สนับสนุนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ร่วมทานกับท่าน ท่านทำที่ไหนเราไปไม่ได้ก็ฝากเงินไปกับท่าน กรรมทั้งหลายที่เป็นกรรมดีทั้งหมดจะปรากฏกับเราต่อไปในภายหน้า
ท่านทั้งหลาย เวลาหมดแล้วขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี