เรื่อง..ปฏิปทาของพระอรหันต์


สมเด็จพระสมณโคดม
ที่มณฑปแก้ว วัดท่าซุง



ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าเป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน พระของพระพุทธเจ้ายังไม่ขาด คือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอรหันต์ไม่ขาดสายจนกระทั่งปัจจุบัน

ทีนี้เราไม่รู้จักพระอรหันต์เป็นยังไง นึกว่าพระอรหันต์คงนั่งหลับตาปี๋ เสร็จละ คือว่า ส่วนใหญ่จริง ๆ ที่เขาได้มรรคได้ผล เขาก็ปล่อยตน แล้วเขาก็ไม่ประกาศตน จนกว่าเราจะเข้าไปหาท่าน ท่านเห็นความจริงใจของพวกเราแล้วท่านก็ไม่บอกตรงอีก เพราะว่าบอกตรงไม่ได้ การบอกตรงเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า พระสาวกบอกตรง ๆ ไม่ได้ แต่ว่าใครที่ปฏิบัติตามท่าน ท่านเห็นความมั่นใจของเรา ท่านจะแสดงลีลาออก

นี่ก็มีเยอะ พวกที่อยู่กรุงเทพฯน่ะ ชนพระอรหันต์ตายไปหลายองค์แล้ว ไม่ใช่ท่านตายแล้วชนนะ เดินชนเสียตายไปเลย

อย่าง วัดสระเกศมีอยู่องค์หนึ่ง เดี๋ยวนี้ตายไปหลายปีแล้ว ไม่ตายฉันไม่บอก ที่รู้ไม่ใช่พยากรณ์ว่าเป็นพระอรหันต์ ไม่ใช่ฉันรู้

มีวันหนึ่งนั่งทำกรรมฐานอยู่ที่อยุธยา นั่งเพลิน ๆ หลุดพลั๊วพะ ไม่ได้ไปนรกสวรรค์หรอก เสือกไปกรุงเทพฯ ไม่รู้มันไปยังไง ไปยืนปุ๊กอยู่ที่หน้าประตู เอ..กุฏิใครหว่าหมาเยอะจัง หมาขี้เรือนก็เยอะ

องค์นี้ท่านเจอะหมาไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าของนะ ซื้อขนมล่อเอามาเลี้ยง หมาขี้เรือนนี่ห่วงมากเพราะไม่มีใครเขาเมตตา กุฏิท่านเต็มไปด้วยหมา อย่างนั้นฉันว่าดี หมาขี้เรือนไปนอนด้วยมันก็เหม็น ใครไปคุยอยู่ไม่ได้นานหรอก ไป ไม่ต้องไล่ คือไม่ต้องหาทางไล่ แล้วไปดูท่าน ท่านไม่เคยแสดง แต่คนเข้าใจผิดว่าพระตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์จะต้องนั่งหลับตา มันไม่ใช่ ท่านก็ทำตัวปล่อยเป็นธรรมดา ยิ่งธรรมดากว่าพระปกติ พระปกติยังระวังตัว อรหันต์นี่ไม่ต้องระวังตัว คือว่า อาบัติเขาไม่มี เรื่องการทำชั่วเขาไม่มี สำหรับด้านจริยาอาจจะพลาดบ้าง แต่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต จริยาคือ การแสดงออกทางกาย ด้วยความประพฤติเล็กน้อยนี่นะ มันอาจจะผิดพลาดบ้าง แต่พระพุทธเจ้าทรงยกโทษหมดทุกสิกขาบท เขาก็มีความสุข

คราวหนึ่งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ล่วงไป ท่านได้เป็นสังฆราช แล้วก็ย้ายไปอยู่กุฏิที่เขาสร้างให้ แล้วก็ให้เจ้าคุณองค์ที่เลี้ยงหมานี่ย้ายไปอยู่กุฏิท่านเดิม และก็มีพระองค์อื่นรายงานบอกว่า องค์นี้สกปรก แต่ความจริงท่านเป็นเจ้าอาวาส ทำไมท่านจะอยู่กุฏิอย่างนี้ แล้วก็สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ ก็ไม่ใช่เล่นนะ หนักมาก เก่งมาก อันดับเต็มอัตราเหมือนกัน ท่านก็ถามพระพวกนั้นว่า

"เจ้าคุณองค์นี้สกปรกแบบไหน ทำไมเรียกว่าสกปรก"

ท่านบอกว่า "หมาเลอะเทอะ มีขี้เรื้อน"

ท่านก็ถามว่า "ตัวแกสะอาดเรอะ ตัวแกมีขี้หรือเปล่า ไอ้ขี้เรือนหมามันเหม็นไม่เท่าขี้นะ แกมันสกปรกมากกว่านั้นมันน่าจะออกไปจากวัดนี้ ไอ้นั่นเขาสกปรกนอก แกมันสกปรกนอกด้วยในด้วย"

เสร็จเลย เจ้าคุณนั่นเลยไปอยู่ได้ องค์นี้ชื่ออะไรไม่บอกละ ฉันรู้ว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะอะไรรู้ไหม ไปถึงก็ยืนดู

เอ..มันพระอะไร หลวงตาองค์นี้หมูหมาเลอะเทอะหมด นอนกันแบบเสรี ท่านนอน ๆ ตัวหนึ่งไปนอนบนหัว ๒ ข้างมีราชองค์รักษ์ แหม..ถ้าเปิดประตูเข้าไปมันล่อแย่เหมือนกันนะ เพราะรักท่าน ท่านเมตตา นอนล้อมรอบหมด

พอมีความรู้สึกตัวว่า เอ..นี่มันไม่ใช่สวรรค์นี่หว่า เห็นภูเขาทอง ดันเป็นวัดสระเกศ ไอ้บนสวรรค์มันก็ไม่มีภูเขาทอง เสือกมาได้ยังไงก็เลยกลับ

พอคิดจะกลับก็ปรี๊ดขึ้นไปข้างบน พอคิดจะกลับวัดไม่ไปเสียแล้ว ขึ้นไปอีก ไปถึงไปเจอะพระพุทธเจ้าท่าน ก็ไปกราบ ๆ ท่านถาม ไปไหนมา บอก ผมนึกว่าสวรรค์กลายไปวัดสระเกศ ท่านก็เลยบอกว่า องค์นั้นเป็นพระอรหันต์นะ ที่ไปฉันให้ไปเอง จะได้รู้ว่า เวลานี้อรหันต์ยังมีอยู่ในโลก

ก็เลยถามท่านว่า มีองค์เดียวหรือพระพุทธเจ้าข้า ท่านบอกว่า ไม่ใช่ มีหลายองค์ ท่านก็บอกองค์นั้น ๆ เวลานั้นมีด้วยกัน สามองค์ แล้วท่านยังบอกว่า ปีนั้น เดือนนั้น จะได้อีก

เราไปดูแต่ละองค์ไม่เหมือนพวกเราคิดหรอก ไม่ได้นั่งหลับตาปี๋ ทำหน้าเป็นจวัก ใครเขาไปไม่พูดด้วย...ไม่ใช่ ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำตัวตามสบายแบบกันเองหมด ลีลาปกติ ใครเข้าไปก็ชื่นใจ

พระอรหันต์...เป็นพระที่ทำให้ชาวบ้านชื่นใจ ไม่ใช่ทำให้ชาวบ้านเหี่ยวใจ แต่เวลาท่านเอางานอย่าไปยุ่งนะ พวกนี้งานเป็นงาน แบบไหนแบบนั้นเลย ทำวัตร สวดมนต์เอาจริงเลยนะ ทำเล่น ๆ กันไม่ได้ ถ้าเวลาปล่อยปั๊บเป็นกันเองหมด แล้วต่อมาหลาย ๆ องค์ก็เป็นแบบนั้น นี่เฉพาะในกรุงเทพฯ นะ ในกรุงเทพฯที่มีความวุ่นวายขนาดนั้นยังมี ไอ้นอกกรุงเทพฯ ที่ไม่มีความวุ่นวายจะมีไหม ใช่ไหม เขาที่มีความสงัดดีกว่า เขาต้องมี

ก็เป็นอันว่า พระอรหันต์ในประเทศไทยไม่เคยขาดสายมาตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังอยู่ ถ้าขาดสายแล้วเป็นอรหันต์ต่อกันไม่ได้ เพราะไม่รู้อารมณ์อรหันต์ คือ คนไม่รู้อารมณ์กัน ไม่รู้จับจุดไหนจะจบได้ยังไง เอาคนหุงข้าวไม่เป็นไปสอนวิชาหุงข้าวน่ะ ก็ต้องได้ ๓ ขบวน ทั้งดิบ ทั้งเปียก แถมไหม้ด้วย นี่เป็นอย่างนั้นนะ

Copyright © 2001 by
Amine
17 ส.ค. 2544 22:43:41