บุคคลตัวอย่าง มรณานุสสติ

*--*เจ๊จันทนาตาย*--*

เมื่อคืนวานนี้มีคนเขาโทรศัพท์ไปว่า แม่เขาตาย คนที่ตายคือ คุณจันทนา วีระผล เมียเฒ่าแก่สุวรรณ วีระผล คือว่า ถ้ามาทุกครั้ง แกต้องมาทำบุญตอนเช้า มาถวายสตางค์ มาถวายอาหารเป็นประจำ ทีนี้ลูกสาวเขาโทรศัพท์ไปบอกว่า แม่เขาตาย แต่เขาไม่ได้บอกว่าแม่เขาตาย บอกแม่เขาเสีย ฉันก็นึก เอ..คนดี ๆ มันจะเสียยังไงหว่า ถามว่าอาการเป็นยังไงมาก่อน เขาบอกว่าไม่มีอาการมาก่อน ก็พอดีก่อนพูดอยู่นั่น ตัวแกก็ปรากฎ

เขาบอก "ฉันไม่ได้ตาย ฉันไปเอง"

ถามว่า "อาการโรคที่จะต้องตายมันเป็นโรคอะไร"

แกบอกว่า "ต้องเป็นโรคไม่ตรงกับหมอพิสูจน์" หมออาจพิสูจน์ตามตำรา ตามวิชาความรู้ ถ้าไปไหนไม่รอดก็บอก หัวใจวาย คนที่หัวใจไม่วายไม่ตายหรอก ใช่ไหม ก็เลยถามว่า

"ไม่ตายเอง หมายความว่าอย่างไร" แกบอกว่าอย่างนี้

คืนแรกก่อนจะตายแกไปเยี่ยมศพน้องชาย น้องชายตาย เมื่อเห็นศพก็มีความรู้สึกว่า น้องของเราเกิดทีหลังเราเขายังตาย แล้วเราล่ะ ชีวิตของเราก็ต้องตายเหมือนกัน ตายวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่แน่ ความตายจะมาเมื่อไรก็ได้ มันไม่เลือกนะ

แกก็มานั่งนึกถึงตัวแก แกเจ็บตา ตาป่วยยายไม่ได้ป่วย แกคิดถึงร่างกายแก ร่างกายก็ไม่ดี ไม่ปกติ ถ้ามันจะตายก็เรื่องของความตายมาถึง

ทีนี้ต่อมาขณะเดินจงกรม เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป ลูกสาวบอกขณะเดินจงกรมเด็กเข้าไปมองไม่เห็น คือว่า จิตกำลังตั้งอยู่ในอารมณ์ฌาน คือ จิตไม่สนใจอะไร จิตไม่ต้องการจะมองใคร เวลานั้นจิตก็ตั้งจุดเดียว คือ หวังนิพพาน คนนี้เจอะหน้าทีไรบอกต้องการนิพพาน เคยไปถามฉันที่วัด แกชี้มือไปข้างบนบอก "ฉันจะขึ้นไปข้างบนได้ไหม" ไอ้กุฏิฉันมัน ๒ ชั้น ถาม "เจ๊จะขึ้นไปทำไมชั้นบน" บอก "ไม่ช่าย จะขึ้นไปบงโน้น"( บนโน้น )( นิพพาน )

เล่าต่อไปนะ หลังจากตอนเช้าเดินจงกรมแล้ว ตอนสายก็เอนตัวลงนอนพักผ่อน พอพักผ่อนไปจิตมันเป็นสุขมาก มีปีติมาก อะไรต่ออะไรมันเกิดให้เห็นเยอะ เต็มจักรวาลไปหมด สวยสดงดงามบอกไม่ถูก เทวดาบ้าง พรหมบ้าง นางฟ้าบ้าง พระอริยะบ้าง เห็นไปหมดทุกชั้น แกบอกยังงั้น นี่คนจะตายบุญมาก สังเกตจุเป็นยังงี้ทุกคนนะ คนที่จะตายถ้ามีบุญเข้าสนองจะเป็นแบบนี้ทุกคน เวลานั้นแกบอกว่า มีปีติมาก

ก็มีท่านผู้มีเกียรติ ๒ ท่าน คือ ๒ ลุง พระยายมกับนายบัญชี ท่านถามว่า "เอ็งจะอยู่ต่อไปหรือว่าจะตายวันนี้หรือจะไปวันนี้" ท่านก็เปิดบัญชีบอกว่า "ถ้าเอ็งจะอยู่ต่อไป ยับยั้งใจไว้แค่นี้นะ อีกนิดหนึ่งไว้ต่อปีที่ ๑๒ เอ็งจะอยู่ต่อไปได้ ๑๒ ปี หากว่าเอ็งจะไปวันนี้ ขยับใจไว้นิดหนึ่งจะถึงจุดนี้"

เจ้าของร่างกายถามว่า "ถ้าฉันอยู่ร่างกายจะเป็นยังไง" เวลานี้แกก็เบื่อร่างกายเต็มที เดี๋ยวป่วย ๆ คนไม่แก่ สาวน้อยแล้ว ๗๐ กว่า คือ ไม่มีความแก่แล้ว มีแต่หง่อม ลุงก็บอกว่า "ร่างกายก็มีสภาพแบบนี้ ดีบ้างไม่ดีบ้าง" แล้วลุงก็บอกว่า "บ้านเอ็งหลังนี้นะ" บอกมันสวยสดงดงาม พอชี้ให้ดูมันใกล้เหลือเกิน บ้านมีเยอะแยะ วิมานก็เยอะแยะ บ้านของแกมันสวย ท่านบอกว่า "ออกจากร่างกายวันนี้ ร่างกายจะเป็นแบบนี้" เห็นเลย แกก็เลยตัดสินใจว่าไปดีกว่า ไปแล้วมีความสุข พอตัดสินใจไปดีก่วา ก็ขยับ จิตก็ออกนิดหนึ่ง แค่ ๒ นาทีก็ถึง ถึงแล้วจิตก็ออกจากร่าง จิตออกจากร่างตัวก็นอนเลย กว่าลูกสาวจะไปเห็นก็ ๕ โมงเย็น เห็นว่าแม่นอนสายเกินไป ก็เข้าไปปลุก ตัวแข็งแล้ว

เลยบอกว่า "ตอนที่ไปเองหมายความว่าอย่างไร"

บอก "ฉันออกไปเอง ไม่ได้ป่วยตาย"

ถามว่า "ออกไปแล้วมันเป็นยังไงต่อไป"

แกบอกว่า "เมื่อจิตออกจากร่างแล้ว ร่างกายค่อย ๆ ลดตัวลง ปอดทำงานน้อยลง ๆ แล้วก็ดับไปเอง"

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จบ

ยกทรงบอกว่า "เป็นอันว่าถ้าใครเจ็บไข้ได้ป่วย จิตขยับนิดเดียว ไปถึงจุดนั้นก็ไม่ยาก"

คือ จิตไม่ต้องการทุกอย่าง คือ ไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องนึกอะไร ไม่ต้องการร่างกายอย่างเดียว การเกิดไม่ต้องการอีก เท่านั้นแหละ สังเกตดูเรื่อยเปื่อยไป ทำกรรมฐานไปติดโน่นติดนี่ ติดจิปาถะ สิ่งที่จะต้องการไม่เอา สิ่งที่ต้องการง่าย ๆ คือ

๑. มรณานุสสติ ให้มีความรู้สึกตามความจริงว่า ร่างกายจะต้องตาย นึกมันไว้ ใช่ไหม

๒. ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระ อริยสงฆ์ แล้วก็

๓. มีศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์

ก็มีเท่านี้ นี่อันดับแรกของพระนิพพาน ถ้าเข้าจุดนี้ได้ มันก็เข้าใจไม่ยากนิพพาน คือ มีเริ่มต้นแค่นี้ ทำให้มันได้ทำได้แค่นี้ก็หวังนิพพานได้ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ แค่นี้..

Copyright © 2001 by
Amine
10 ส.ค. 2544 15:37:21