คำสอนหลวงพ่อ
หน้า 1 สรุป หน้า 2

เรา คือ จิตที่สิงในกายหรือที่เรียกว่าอทิสมานกาย เราจริง ๆ คือ จิต ร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว เมื่อเรานึกถึงอารมณ์ของจิต คำว่า เราคือจิต เราไม่เคยคิดเลยว่าต้องการให้ร่าง กายของเราแก่ ไม่ต้องการให้หิว ไม่ต้องการให้ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่ต้องการให้ป่วยไข้ไม่สบาย ไม่ต้องการให้มีทุกข์อย่างอื่น ไม่ต้องการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ไม่ต้องการตายในที่สุด แล้วร่างกายมันตามใจเราไหม เราคือจิต ร่างกายมันเป็นร่างที่อาศัย อารมณ์ที่เราต้องการแบบนี้ มีความปรารถนาเหมือนกันหมดทุกคน แล้วก็ร่างกาย มันตามใจเราไหม ลองนึกดู เวลานี้ เราอายุเท่าไรแล้ว ถ้าร่างกายมันเป็นของเราจริง เราพอใจอยู่แค่ไหน ถึงความเป็นหนุ่มเป็นสาวร่างกายสมบูรณ์บริบูรณ์ก็เพราะว่าเราไม่อยากจะไม่แก่แล้วมันเชื่อไหมล่ะ อยากจะกินอาหารอย่างไหนที่ว่ามันดีที่สุดที่มันมีประ โยชน์แก่ร่างกายที่สุด ร่างกายจะได้ไม่ทรุดโทรม แต่กินเข้าไปเท่าไรก็โทรม ก็แก่ ยาขนานไหนดีที่สุดกินแล้วไม่แก่ ไม่ป่วย ไม่ตาย กินเข้าไปเถอะ ไม่ช้ามันก็ตาย มันก็แก่ นี่เป็นอันว่าเราห้ามร่างกายไม่ได้ ในเมื่อร่างกายเราห้ามมันไม่ได้แล้ว เราก็ต้องรู้ว่าร่างกายความจริงมันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราคือจิต ที่เรียกว่าอทิสมานกาย ที่เข้ามาอาศัยร่างกายเป็นเรือนร่างที่อาศัย อันนี้ ร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แล้วมันก็ไม่อยู่ในอำนาจของเรา เราจะปรนเปรอบังคับบัญชามันอย่างไรก็ตาม มันจะไม่ยอมปฏิบัติตามด้วยประการทั้งปวง ถึงเวลาที่มันจะแก่ มันก็ต้องแก่ ถึงเวลาที่มันจะป่วย ก็ต้องป่วย ถึงเวลาเวทนาต่าง ๆ เวทนาจะเกิดขึ้นมันก็เกิด ถึงเวลามันจะตาย จ้างมันเท่าไรมันก็ไม่เอา แต่พอตายแล้ว ไปสวรรค์บ้าง ไปนรกบ้าง ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานบ้าง ไปเป็นพรหมบ้าง ไปนิพพานกันบ้าง ไอ้ที่ไปจริง ๆ ร่างกายมันไปด้วยรึเปล่า มันก็เปล่า ร่างกายเน่าทับถมพื้นแผ่นดินอยู่ บางทีเขาก็เผา บางรายไม่ได้เผาก็เละกระจาย เป็นกรวดเป็นดิน อันนี้ร่างกายมันไม่ได้ไป ผู้ที่ตกนรก ไปสู่สวรรค์ มันเป็นใคร นั่นแหล่ะ คือ เราที่เรียกกันว่า อทิสมานกาย หรือจิตที่สิงในกาย นี่มาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ทันทีถ้าไม่โง่เกินไป หรือว่าไม่ฉลาดเกินพอดีก็จะเห็นว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริง ๆ ในเมื่อมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริง ๆ จะไปนั่งเมาเพื่อประโยชน์อะไร ต้องการมันหรือ เกิดมาชาตินี้ความทุกข์ถมเต็มกำลังอยู่แล้ว เกิดในชาติต่อ ๆ ไปมันก็เป็นรูปนี้ ไม่ว่าชาติไหน แต่เกิดเป็นคนมันก็ยังดี แต่ถ้าเป็นคนเลวลงนรกไป มันก็นานนักถึงจะกลับมา นี่พระพุทธเจ้าพิจารณาเห็นว่าร่างกาย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราก็จงวางภาระเสีย ทำใจให้สบายว่าร่างกายนี้เกิดขึ้นมาในเบื้องต้น แล้วมีความเสื่อโทรมไปในท่ามกลาง มีการแตกสลายไปในที่สุด เป็นของธรรมดา เอาใจเข้าไปรับตัวธรรมดาเข้าไว้

ตนของตนเองก็ยังไม่มี ทรัพย์หรือบุตรจะมีแต่ไหน

"เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้ จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างกายพังแล้ว เราจะไปพระนิพพาน เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่า วาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว" คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชินจะเห็นเหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายดี แล้วก็จะเข้านิพพานได้ทัน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

Copyright © 2001 by
กลับหน้าสรุปAmine
19 มิ.ย. 2544 23:34:20