ประวัติหลวงพ่อปาน
( พระครูวิหารกิจจานุการ ) วัดบางนมโค

---คำชี้แจงสำหรับผู้อ่าน---

หลวงพ่อของเรามักเล่าเรื่องของตัวท่านกับเรื่องของหลวงพ่อปานให้ลูกศิษย์ฟังอยู่เสมอ ๆ จนทำให้พวกเราอยากเขียนหรือทำเป็นหนังสือเอาไว้แจกในโอกาสหลัง ๆ แต่เมื่อนึกถึงประวัติอาจารย์ต่าง ๆ ที่ขลัง ที่มีผู้เขียนขึ้นในภายหลังจากที่อาจารย์นั้น ๆ มรณภาพไปแล้ว ก็นึกออกว่าผู้อ่านไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องนั้นโดยสนิทใจ เพราะอาจฟังมาผิดพลาดอาจจำคลาดเคลื่อนเนื่องจาเวลาล่วงเลยไปนาน หรือถ้าหนักหน่อยก็คิดว่าปั้นเรื่อง ตกแต่งเพิ่มเติมเอาเองส่งไปเลย

เรื่องที่หลวงพ่อเล่าเป็นเรื่องสนุก ๆ มีหลายเรื่อง จนอยากจะบันทึกไว้ถ่ายทอดให้ผู้อื่นที่ไม่มีโอกาสดีอย่างพวกเราได้อ่านบ้าง แต่ก็เกรงว่าจะถ่ายทอดมาได้ไม่สมบูรณ์ หรือทำให้ผู้อ่านเกิดความคลางแคลงดังกล่าวมาข้างต้น ดังนั้น จึงพากันรบเร้าให้หลวงพ่อเป็นผู้เขียนบันทึกเองก่อนที่ท่านจะทิ้งพวกเราไป ท่านทนการรบเร้าของพวกเราไม่ไหว ท่านก็เลยรับเขียนบันทึกให้

วิธีเขียนบันทึกของท่าน ได้ทำเป็น ๒ ตอน ตอนแรกที่ท่านพิมพ์ดีดมาเอง แล้วเราก็จัดพิมพ์โรเนียวแจกกันอ่านเป็นตอน ๆ ระหว่างพรรคพวก พักเดียวสุขภาพของหลวงพ่อที่ไม่สมบูรณ์อยู่แล้วก็ทนไม่ได้ พสกเราจึงเปลี่ยนวิธี คือ ให้หลวงพ่อเล่าเรื่องแล้วบันทึกเสียงไว้ พวกเรารับเทปมาถ่ายทอดเป็นอักษรและทำโรเนียวแจกกันต่อไปอีกทีหนึ่ง วิธีนี้เบาแรงหลวงพ่อไปพอสมควร

ต่อมา คุณอรอนงค์ คุณะเกษม ขออนุญาตหลวงพ่อจัดพิมพ์แจกในงานศพคุณพ่อของเธอ จึงได้มีการแก้ไขสำนวนต่าง ๆ แล้วให้หลวงพ่อตรวจอนุมัติอีกทีหนึ่ง การแก้ไขนี้ไม่สมบูรณ์นัก ดังนั้น ร่องรอยของการใช้ภาษาแบบคนเล่านิทานให้กันฟังด้วยปากจึงยังมีเหลืออยู่เป็นอันมาก อันที่จริงพวกเราก็อยากปล่อยไว้ให้เป็นอย่างนั้น คือ ให้เหมือนของเดิมของท่านมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสำนวนเขียนหรือสำนวนพูด

หลวงพ่อเป็นพระชั้นมหา ความรู้ทางปริยัติของท่านจึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าถูกต้อง นอกจากนั้น ท่านยังเก่งทางปฏิบัติ มีฌานและญาณต่าง ๆ อยู่มากหลายอีกด้วย ในขณะที่ท่านพิมพ์เรื่องก็ดี บันทึกเสียงก็ดี ท่านมักจะเห็น (และได้ยิน) "ท่าน" ผู้อื่น ที่พวกเราธรรมดามองไม่เห็นได้มาร่วมวงในการเขียนและการบันทึกเสียงอยู่เสมอ ๆ บางเรื่องหลวงพ่อก็ไม่ได้ประสบเองหรือได้ยินมาก่อน แต่ "ท่าน" มาเล่าให้ฟังในขณะที่เขียนหรือบันทึกนี่เองก็มี ด้วยเหตุนี้ ในบางแห่งจึงมีบทสนทนาสด ๆ ระหว่างหลวงพ่อกับท่านผู้มาปรากฎตัวให้ท่านเห็นในขณะนั้น ๆ ปนอยู่ด้วย

"ท่าน" ต่าง ๆ เหล่านั้น สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เหมือนพวกเราก็อาจจะงงงวยว่าหมายถึงใครกันแน่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือท่านผู้อ่าน จึงขอชี้แจงไว้ดังต่อไปนี้

"หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" เป็นชื่อของหลวงพ่อของเรา ผู้ทำการบันทึกเรื่องราวนี้ ตัวท่านเองบอกว่าจะลงชื่อจริงก็ได้ แต่พวกเรามีความเห็นว่าไม่สมควร เพราะเกรงจะมีคนไปรบกวนท่านในทางโลกมากเกินไป (ไม่ใช่หวงอาจารย์) เลยตั้งนามปากกาให้เสีย โดยปรกติ หลวงพ่อปานเรียกท่านว่า "ไอ้ลิงดำ" หลวงพ่อของเราไม่ยินดีในการแสดงฤทธิ์ แต่ยินดีในการแสดงธรรมเพื่อพาคนเข้าถึงพระนิพพาน

"สมเด็จ" หมายถึง พระพุทธเจ้า มีหลายพระองค์ด้วยกัน

"พระ" หมายถึง หลวงพ่อปาน บางทีก็หมายถึงพระพุทธเจ้า

"ลุงพุฒิ" หมายถึง พญายมราช ท่านผู้นี้ในสมัยหนึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อ

"ท้าวมหาราช" หมายถึง จัตุโลกบาลทั้งสี่ มีท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร (เวสสุวัณ)

"หมอนิด" หมายถึง "คุณอรอนงค์ คุณะเกษม" เธอผู้นี้มีญาณพิเศษในบางครั้ง มีความสามารถในการรักษาโรคในบางครั้ง หลวงพ่อจึงเรียกหมอนิด บางทีก็ใช้สมญาว่า "หมอบิด" คือ บิดตะกูด

คำชี้แจงอีกข้อหนึ่งที่จัดว่าจำเป็น คือ การสะกดการันต์ ทั้งบาลีและไทย ซึ่งผู้ถอดเทปมาเป็นอักษรยืนยันว่าต้องมีที่ผิดอย่างไม่เป็นปัญหา ถ้าอ่านพบก็โปรดทราบว่า เป็นข้อบกพร่องของผู้ถอดเทป ไม่ใช่ของหลวงพ่อ

คำเตือนที่ขอร้องให้เชื่อ นี่ก็เป็นสิ่งจำเป็นอีกข้อหนึ่ง คำเตือนนี้ให้ไว้สำหรับผู้ไม่มีความเชื่อถือเรื่องตายแล้วเกิดใหม่ เรื่องนรก สวรรค์ ฯลฯ โดยเฉพาะ เรื่องที่ต้องการเตือนก็คือ ถ้าไม่เชื่อก็พึงเก็บไว้เป็นข้อสงสัยภายในใจ ระวังอย่ากล่าวคำปรามาสหรือลบหลู่เป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของท่านเอง หลวงพ่อเคยเล่าว่า พระอรหันต์ท่านมีคุณอนันต์ โทษมหันต์ ที่ว่าโทษมหันต์นั้นก็คือ ใครไปล่วงเกินท่านเข้า ตัวเองก็จะได้รับโทษแรงโดยอัตโนมัติ เช่น ถ้าท่านประณามพระอรหันต์ว่าเป็นบ้าเข้า ท่านก็จะไปเกิดเป็นคนบ้าเสียเอง ๕๐๐ ชาติ โดยอัตโนมัติ ดังนี้เป็นต้น แม้ไม่ต้องถึงพระอรหันต์ เอาแค่พระโสดาบัน ก็แย่พอดู

พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ฟังอะไรแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ ต้องตรึกตรองให้เห็นจริงเสียก่อนจึงค่อยเชื่อ พวกเราก็อยากจะชี้ว่าคำสอนของท่านข้อนี้ ย่อมใช้ได้ในทางตรงกันข้าม คือฟังอะไร อย่าเพิ่งไม่เชื่อ ให้ตรึกตรองเสียก่อนว่าไม่จริง จึงค่อยไม่เชื่อ

หลวงพ่อเป็นพระที่มุ่งนิพพาน ท่านรักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต ดังนั้น มุสาวาทาจึงไม่มีแน่ และหลวงพ่อจะเป็นพระอริยะหรือเปล่า ถ้าเป็น เป็นชั้นไหน พวกเราไม่มีทางทราบได้แน่นอน แต่วิสัยคนมีปัญญาควรระวังไว้ก่อนว่า ท่านอาจเป็นพระอริยะ ดังนั้น จึงไม่ควรกล่าวปรามาสแม้จะไม่เชื่อก็ตาม

หลวงพ่อบอกว่าเรื่องลึกลับเหล่านี้จะลงความเห็นด้วยการใช้เหตุผลของมนุษย์สามัญไม่ได้ ท่านท้าให้พิสูจน์กันได้ด้วยตนเองให้ได้ วิชชา ๓ เป็นอย่างน้อยเสียก่อน แล้วท่านจะรู้ได้เองว่าจริงหรือไม่จริง

เชื้อโรค ท่านจะดูด้วยตาเปล่าให้เห็นนั้นไม่ได้ นรก สวรรค์ก็เช่นกัน ถ้าหากพูดตามภาษาสมัยใหม่ อาจกล่าวว่า "อยู่ในมิติที่ ๔" ซึ่งคงจะทำให้พอนึกสลัว ๆ ถ้าท่านยังหาทางเข้ามิติที่ ๔ ไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งลงความเห็นว่ามิติที่ ๔ นั้นไม่มี

อนึ่ง ในบันทึกนี้หลวงพ่อกล่าวไว้หลายตอนว่า "มีในหนังสือแล้ว ให้ไปเปิดดูเอง" หนังสือนี้ได้แก่หนังสือ "คู่มือการปฏิบัติพระกรรมฐาน" ซึ่งท่านแจกให้บรรดาลูกศิษย์และผู้สนใจในทางธรรมไปเป็นส่วนมากแล้ว จึงขอแจ้งไว้ให้ทราบ ณ ที่นี้ด้วย

ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแด่ท่านผู้อ่านโดยทั่วกัน

หน้าอนุโมทนาหน้าต่อไปCopyright © 2001 by
Amine
พิมพ์โดย casnova19 มิ.ย. 2545 17:03:20