1 2 3 4 5 คำสอน

ส่วนสมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูก่อนมหาบุรุษราชผู้ประเสริฐ พระตถาคตเสด็จอยู่ในที่นี้แล้ว ครั้งนั้นสมเด็จพระบรมสังขจักรก็ได้พระสติฟื้นขึ้นมา เกิดความเลื่อมใสศรัทธา น้อมเศียรเกล้าคลานเข้าไป แล้วเสด็จนั่งยังที่อันสมควร จึงยกพระกรขึ้นประนมถวายบังคมเหนือเศียรเกล้า กระทำการอภิวาทนมัสการกราบทูลว่า

" ภันเต ภควา .. ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ข้าพระบาทได้ถึงสำนักของพระองค์แล้ว ขอจงทรงพระกรุณาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้า โปรดตัสแสดงพระสัทธรรมเทศนาให้ ข้าพระบาทฟังเถิด.. พระพุทธเจ้าข้า "

สมเด็จพระศาสดาจารย์จึงมีพระพุทธบรรหารว่า "ดูก่อน.. มหาบพิตรผู้ประเสริฐ ! จงตั้งโสตประสาทสดับรสพระพุทธพจน์เทศนาของพระตถาคต แล้วพิจารณาธรรมกถาอันกล่าวในคุณพระนิพพานนี้เถิด"

ปางนั้นองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนาโปรดแก่พระยาสังขจักร เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระสัทธรรมเทศนาบทหนึ่งสิ้นเนื้อความลงแล้ว ก็กราบทูลห้ามสมเด็จพระประทีปแก้วว่า ขอพระองค์จงหยุดการแสดงธรรมเสียเถิด

มีคำถามว่า.. เหตุไฉนพระเจ้าสังขจักรจึงทูลห้ามเช่นนี้ เพราะเดิมทีมีพระทัยผูกพันในพระพุทธศาสดา ระลึกถึงซึ่งคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เป็นอันมาก สู้ทรงสละราชสมบัติบรมจักร เสด็จมาด้วยความลำบากแทบถึงซึ่งชีวิต ครั้นมาประสบพบองค์พระสัพพัญญูเจ้า พระองค์ประทานธรรมเทศนาแล้ว กลับห้ามเสียด้วยเหตุประการใด..?
มีคำตอบว่า.. สมเด็จพระบรมสังขจักรทรงพระดำริว่า ถ้าสมเด็จพระบรมศาสดาโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาเป็นอันมาก แล้วพระองค์ก็เสด็จมาแต่เพียงลำพังพระองค์เดียวเปลี่ยนพระทัยนัก จะหาเครื่องไทยธรรมอันสมควรที่จะสักการบูชาให้สมควรแก่รสพระสัทธรรมนั้นหามีไม่ บัดนี้ เราได้สดับรับรสแห่งอมตธรรมแต่บทเดียว เครื่องสักการบูชาของเรานี้ มิพอสมควรกันกับพระสัทธรรม พระองค์ดำริ ดังนี้แล้ว จึงกราบทูลห้ามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสีย แล้วพระองค์จึงกราบทูลว่า

"ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับพระสัทธรรมของพระองค์ในกาลครั้งนี้ พระองค์ทรงพระมหากรุณาตรัสพระธรรมเทศนาแสดงพระนิพพานอันเดียวเป็นที่สุดพระสัทธรรมอยู่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะตัดเศียรเกล้าอัน เป็นที่สุดสรีระกายแห่งข้าพระพุทธเจ้าออกกระทำการสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนาของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน"

ตัดพระเศียรบูชาพระธรรม

ครั้นตรัสดังนั้นแล้ว พระเจ้าสังขจักรผู้มีอัธยาศัยในพระโพธิญาณ จึงทรงอธิษฐานขอให้เล็บของพระองค์คมดังพระแสงดาบ เด็ดซึ่งพระศอให้ขาด แล้ววางไว้บนฝ่าพระหัตถ์ พร้อมตั้งมโนปณิธานความปรารถนา ออกพระโอษฐ์ตรัสด้วยวาจาว่า

" ภันเต ภควา .. ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงศิริ ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าสู่เมืองแก้วอันเกษมสานต์ คือ พระอมตมหานิพพาน อันสำราญก่อนข้าพระบาทเถิด ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จไปสู่พระนิพพานอันสำราญ ต่อภายหลัง ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายเศียรเกล้าบูชาพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ในกาลบัดนี้ ด้วยมิได้หวังสมบัติใดในโลกนี้ มีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือการบรรลุพระโพธิญาณ เป็นพระศาสดา จารย์พระองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเทอญ .. "

ในที่สุดแห่งพระวาจาที่ได้ตั้งความปรารถนาขาดลง พระบรมโพธิสัตว์ก็สิ้นพระทัยไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

ดูก่อน.. สารีบุตร! ครั้นเมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพิชิตมารบรมศาสดาจารย์แล้ว จึงมีพระองค์สูงได้ ๘๘ ศอก ด้วยผลทานที่เด็ดพระเศียรกระทำ สักการบูชาแห่งพระสัทธรรมเทศนา พระองค์ทรงพระรัศมีสิ้นทั้งกลางวันกลางคืนมิได้ขาดนั้น ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงอุตสาหะไปในหนทาง ปรารถนาจะพบเห็นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จนพระ โลหิตไหลออกจากพระบาท พระชงค์ พระหัตถ์ และพระอุระ ของพระองค์ ในคราวเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสังขจักรนั้น

อนึ่ง พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปจนถึงอเวจีมหานรก ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์เด็ดพระเศียรออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรม โลหิตไกลออกจากพระเศียร

อีกประการหนึ่ง ในพระศาสนาแห่งพระศรีอาริยเมตไตรยบังเกิดมีต้นไม้กัลปพฤกษ์ นึกได้สำเร็จสมความปรารถนา นั้นด้วยผลานิสงส์ที่พระองค์เสด็จไปตามถนนหนทาง ใคร่จะพบองค์สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้า มีกำหนดถึง ๗ วัน จึงได้ประสพพบพระพุทธองค์สมพระราชหฤทัย

ดูก่อน. สารีบุตร! ผู้เป็นธรรมเสนาบดีของตถาคต ฝูงชนทั้งหลายที่มิได้เห็นรูปกายของพระตถาคตนี้ แม้ได้พบเห็นแต่พระพุทธศาสนาของพระตถาคต แล้วได้กระทำ ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา ด้วยเดชะผลานิสงส์นี้ บรรดาปวงชนทั้งหลายเห่านั้น จักได้บังเกิดทันพระพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย อันจะมาอุบัติบังเกิดเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต แสดงมาด้วยเรื่อง " พระศรีอาริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์ " ก็ยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวัง..ก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ

หมายเหตุ : หลวงพ่อบอกว่าอีกประมาณ ล้านปีเศษ ๆ พระศรีอาริย์ จึงจะมาตรัสรู้ทางอาณาเขตของประเทศพม่า ฯ

กลับหน้า 4ไปหน้า คำสอนCopyright © 2001 by
Amine
15 ก.ค. 2544 00:10:16